โดย Ambar Warrick
Investing.com – ค่าเงินหยวนของจีนร่วงลงสู่ระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 วันนี้ เนื่องจากความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนได้ส่งผลกระทบต่อค่าเงิน
เงิน หยวน ลดลง 0.7% เป็น 7.2244 ซึ่งอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2007 ค่าเงินร่วงลงกว่า 13% ในปีนี้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนและนโยบายการเงินจากเฟดที่เข้มงวดอย่างมาก
เงินหยวนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ใน การซื้อขายตลาดนอกประเทศ ในวันพุธ
สกุลเงินยังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศ ธนาคารกลางจีนเป็นหนึ่งในธนาคารกลางไม่กี่แห่งที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ท่ามกลางธนาคารกลางหลายแห่งที่ต่างปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
ในทางกลับกันระดับเงินเฟ้อของจีนกำลังลดลงและการเติบโตทางเศรษฐกิจก็ลดน้อยลงเช่นกัน เศรษฐกิจของประเทศแทบไม่ขยายตัวในไตรมาสที่สอง และมีแนวโน้มที่จะหดตัวในช่วงสามเดือนถึงเดือนกันยายน
จีนยังได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากในปีนี้ เพิ่มสภาพคล่องในท้องถิ่นและทำให้เงินหยวนอ่อนค่าลง ขณะนี้รัฐบาลกำลังพยายามรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการยับยั้งค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง
เจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดแห่งเซนต์หลุยส์เตือนว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ “ปัญหาเงินเฟ้อที่ร้ายแรง” ซึ่งน่าจะบ่งบอกถึงนโยบายการเงินที่จะเข้มงวดมากขึ้น ในขณะที่ประเทศกำลังต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
นีล คัชคารี ประธานเฟดแห่งมินนิอาโปลิส ระบุตรง ๆ ว่า "มีการดำเนินการที่รัดกุมขึ้นมาก" อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 300 จุดในปีนี้ และมีแนวโน้มว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 4.4% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 16 ปี
ความคิดเห็นของ คัชคารี และ บุลลาร์ด เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเตือนว่าจะเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่จะอ่อนแอลงทในขณะที่ต้องต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ สัญญาณที่แข็งกร้าวจากเฟดนี้ได้กระทบไปยังตลาดการเงินทั่วโลก โดยที่ค่าเงินหยวนและสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชียต้องเผชิญกับการถูกเทขายต่อเนื่อง
ในทางกลับกัน ค่าเงิน ดอลลาร์ พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ในรอบ 20 ปี