โดย Gina Lee
Investing.com — ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในเช้าวันพฤหัสบดีในตลาดเอเชีย ขณะที่เงินยูโรยังคงทำกำไรส่วนใหญ่ในชั่วข้ามคืน หลังจากได้กระโดดข้ามจุดต่ำที่สุดในรอบเกือบหกปีหลังจากการเจรจาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนและรัสเซีย และความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันเมื่อราคาน้ำมันลดลง
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ติดตามค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 0.23% เป็น 98.175 เมื่อเวลา 22:20 น. ET (3:20 น. GMT)
ค่าเงินเยน เพิ่มขึ้น 0.29% เป็น 116.16
ดอลลาร์ออสเตรเลีย ลดลงเหลือ 0.08% มาที่ 0.7317 และดอลลาร์นิวซีแลนด์ ค่อย ๆ ไต่ระดับลง 0.18% เป็น 0.6825
ค่าเงินหยวน ขยับขึ้น 0.04% เป็น 6.3202 ขณะที่ ค่าเงินปอนด์ ขยับลง 0.17% เป็น 1.3156
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะส่งมอบ การตัดสินใจด้านนโยบาย ภายในวันนี้ โดยนักลงทุนมองหาผลกระทบที่จะมีต่อนโยบายการเงินอย่างไรหลังจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน
ค่าเงินยูโรอยู่ที่ 1.1047 ดอลลาร์หลังจากไต่ระดับขึ้น 1.6% ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันที่ดีที่สุดของสกุลเงินยูโรนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2016 หุ้นยุโรปก็ปรับตัวขึ้นในวันพุธเช่นกัน ขณะที่พันธบัตรมีการเทขายออก หลังจากนั้นเงินยูโรร่วงลงสู่ 1.0804 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือนในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากการบุกรุกที่มีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป
นักวิเคราะห์ของ NAB ระบุในหมายเหตุว่า "หากมองไปทั่ว ๆ กิจกรรมทางการตลาดโดยเฉพาะตลาดในประเทศแถบยุโรปก็พอจะสันนิษฐานได้ว่าสงครามในยูเครนอาจสิ้นสุดในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า"
หมายเหตุดังกล่าวระบุว่าการที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นนั้นมาจากการมองโลกในแง่ดีก่อนการประชุมระหว่างเซอร์เก ลาลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย และ ดิมิโโทร กูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของทั้งสองตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ยังชี้ถึงรายงานที่สหภาพยุโรปกำลังหารือเกี่ยวกับการออกพันธบัตรเพื่อใช้เป็นเงินทุนด้านพลังงานและการป้องกันประเทศ เช่นเดียวกับ “ข้อสงสัยว่า ECB อาจยังถือ 'นโยบายแข็งกร้าว' ของเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์อย่างเต็มที่เมื่อพบกันในวันนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อถูกกำหนดให้เกิดการผลักดันให้สูงขึ้นเนื่องจากราคาพลังงานล่าสุดนั่นเป็นที่น่าตกใจ
น้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 2 ปี หลังจากทีสมาชิก่องค์การของกลุ่มประเทศส่งออกปิโตรเลียมและพันธมิตร (OPEC+) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าวว่า จะมีการส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันเงินดอลลาร์ออสเตรเลียมีความเสี่ยงเพิ่ม
ในด้านข้อมูล สหรัฐฯ จะเปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค ในวันศุกร์ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมส่งมอบการตัดสินใจด้านนโยบายในสัปดาห์หน้า ธนาคารกลางได้รับการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหนึ่งในสี่ของจุดเปอร์เซ็นต์ในการตัดสินใจ