โดย Gina Lee
Investing.com – ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในเช้าวันนี้ แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เฟดยังคงยืนหยัดใน การตัดสินใจเชิงนโยบาย ล่าสุด และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่น่าผิดหวังยังจำกัดการขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ด้วย
ดัชนีดอลลาร์ ขยับขึ้น 0.11% เป็น 91.970 เมื่อเวลา 00:34 น. ET (4:34 น. GMT) หลังร่วงลงต่ำสุดที่ 91.855 ในวันพฤหัสบดี และกำลังจะปิดท้ายเป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม
ค่าเงินเยน ขยับขึ้น 0.03% เป็น 109.50
ค่าเงินออสเตรเลีย ลดลง 0.08% เป็น 0.7389 และ ค่าเงินนิวซีแลนด์ ลดลง 0.08% เป็น 0.7003
ค่าเงินหยวน ขยับขึ้น 0.06% เป็น 6.4600 ขณะที่ ค่าเงินปอนด์ ขยับลง 0.09% เป็น 1.3948 ใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้ติดเชื้อโควิดรายวันในอังกฤษลดน้อยลง
ค่าเงินบาท ซื้อขายอยู่ที่ 32.890 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ความเห็นของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด มีขึ้นหลังการคำตัดสินใจเชิงนโยบายเมื่อวันพุธ โดยพาวเวลล์ยืนยันว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและตลาดแรงงานยังคงมีเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ครอบคลุมก่อนที่จะลดสินทรัพย์ลง
“ในขณะที่เฟดยังคงพูดต่อไปว่ากำลังเดินหน้าที่จะยกเลิกโครงการพิมพ์ธนบัตร แต่การเปลี่ยนแปลงของเฟดดูเหมือนว่าจะช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้” สตีเฟ่น ดูลีย์ นักยุทธศาสตร์ด้านสกุลเงินของ Western Union (NYSE:WU) กล่าวกับ CNBC
ตัวเลข GDP ของสหรัฐสำหรับไตรมาสที่สองก็ล้มเหลวในการช่วยหนุนเงินดอลลาร์เช่นกัน แม้ว่า GDP จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 6.5% แต่ก็ต่ำกว่าทั้ง 8.5% ในการคาดการณ์ที่จัดทำโดย Investing.com
ข้อมูลเพิ่มเติมจากสหรัฐอเมริกา รวมถึง ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน, รายได้ส่วนบุคคล, ตัวเลขการใช้จ่าย และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกน สำหรับเดือนกรกฎาคม จะครบกำหนดในวันนี้
ทางด้านค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยซื้อขายล่าสุดที่ 1.1886 ดอลลาร์ ก่อนประกาศข้อมูลไตรมาสที่สอง ซึ่งรวมถึง GDP ของเยอรมันนี GDP ของอิตาลี และ GDP ของสหภาพยุโรป ควบคู่ไปกับ ดัชนีราคาผู้บริโภคของฝรั่งเศส ดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมันนี, ดัชนีราคาผู้บริโภคของอิตาลี, ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหภาพยุโรป ของเดือนกรกฎาคมและ อัตราว่างงานในสหภาพยุโรป ก็จะครบกำหนดในวันนี้เช่นกัน
ในเอเชียแปซิฟิก เงินหยวนฟื้นตัวจากการอ่อนค่าตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากความพยายามของจีนในการทำให้ตลาดสงบลง โดยสั่งให้สถาบันการเงินต่างประเทศหลีกเลี่ยงการ บิดเบือนข้อมูล อีกทั้งยังมีการกำกับดูแลภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงภาคการศึกษาเอกชนด้วย