InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.60 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.74 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามค่าเงินภูมิภาค เนื่องจากตลาดมีความหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวหลังมี ข่าวทางการจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลาดหุ้น และเพิ่มการบริโภคภายในประเทศ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.58 - 32.74 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตร 3.2 พันล้านบาท "หลังเปิดตลาดบาททำท่าจะอ่อนค่า แต่กลับมาแข็งค่าตามภูมิภาคจากข่าวกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน จนบาทเกือบหลุดลงไปทำนิ วโลว์ในรอบ 30 เดือน" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.55 - 32.70 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้สหรัฐฯ จะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 และยอดขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ รวมทั้งถ้อยแถลงของ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 144.84 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 144.54 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1147 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1137 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,455.03 จุด ลดลง 6.55 จุด, -0.45% มูลค่าซื้อขาย 56,090.14 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,386.69 ล้านบาท - สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ส.ค.67 อยู่ที่ระดับ 95.08 หดตัว 1.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ 8 เดือนหดตัวเฉลี่ย 1.55% หลังรับแรงกดดันจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน สินค้านำเข้าราคา ถูกมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น ต้นทุนภาคการผลิตปรับตัวขึ้น และราคาพลังงานยังคงอยู่ในระดับสูง โดยคาดดัชนี MPI ปีนี้อยู่ที่ -1.0 ถึง 0.0% และการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ -0.5% ถึงขยายตัว 0.5% - รมช.คลัง ชี้นโบายการเงินของไทยคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสอดคล้องกับทิศทางนโยบายการเงินของโลก เพราะไทยไม่ ได้อยู่คนเดียวในโลก หากมีนโยบายการเงินที่ไม่สอดคล้องกับคนอื่น ค่าเงินก็จะเกิดความผันผวน - ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.0% ในการประชุมวันนี้ตาม การวิเคราะห์ของนักเศรษฐศาสตร์ และถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สามในปีนี้ - ทางการจีนประกาศจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ด้วยการแจกเงินให้กับประชาชนในกลุ่มที่ยากจนมาก โดยเป็น การแจกเงินแบบครั้งเดียวก่อนวันที่ 1 ต.ค. - ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลัง รวมทั้ง ใช้มาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก และบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการส่ง สัญญาณเร่งด่วนว่าจีนต้องการสกัดการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ - รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ (26 ก.ย.) ระบุว่า กรรมการ BOJ มีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่ว่า BOJ ควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเพียงใดในอนาคต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่ นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า - เอชเอสบีซี (HSBC) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมทุกครั้ง นับตั้งแต่เดือนต.ค. ปีนี้ ไปจนถึงเดือนเม.ย. ปีหน้า เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวจะทำให้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลงสู่ระดับ 2.25%