InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 33.07/12 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดที่ ระดับ 33.51 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.05 - 33.52 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า ตามปัจจัยผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ปรับลด ดอกเบี้ย 0.50% ประกอบกับราคาทองคำที่พุ่งขึ้นในวันนี้ "เงินบาทระหว่างวันแข็งค่าไปแตะ 33.07 บาท/ดอลลาร์ ยังคงเป็นระดับที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 19 เดือน หรือตั้งแต่เดือนก. พ. 66" นักบริหารเงิน กล่าว สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.00 - 33.50 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 141.50/144.00 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 143.78 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1023/1200 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1077 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,454.84 จุด เพิ่มขึ้น 19.07 จุด, +1.33% มูลค่าซื้อขาย 67,697.79 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,005.83 ล้านบาท - นายกรัฐมนตรี ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในการ กระตุ้นเศรษฐกิจ สามารถสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสใน การประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก และผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเป็นการนวางรากฐาน เศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐ ที่มุ่งการพัฒนานโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสใน การเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชน และการประกอบอาชีพ - รมช.คลัง กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จำเป็นต้องดำเนินการให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาวะ เศรษฐกิจโลก ตลอดจนทิศทางนโยบายการเงินของโลกด้วย อย่างไรก็ดี การพิจารณานโยบายอัตราดอกเบี้ยของไทยนั้น เป็นหน้าที่โดยตรง ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีอิสระในเรื่องการกำหนดทิศทางดอกเบี้ย - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า หลังจากการ ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ล่าสุด ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 0.50% และส่งสัญญาณผ่าน Dot Plot เปิดช่องทางการปรับลด ดอกเบี้ยได้อีก 0.50% รวมทั้งสิ้นปีนี้ที่ 1.00% จึงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ดี มองว่าภายในปีนี้ทองคำมีโอกาสทำจุดสูงใหม่ โดยวายแอลจี มองราคาเป้าหมายใหม่ที่ 2,650-2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากการเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลงไปอีก 2 ปี ของเฟด จะเป็นปัจจัยหนุนหลักในระยะยาวต่อราคาทองคำ - นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อ ตลาดหุ้นในเอเชีย เพราะจะเป็นการเปิดทางให้ธนาคารกลางต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียมีโอกาสมากขึ้นในการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการ เงิน