InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.41 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.28 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก ตามบอนด์ยีลด์ปรับตัว สูงขึ้น และตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ออกมาดี ขณะที่ตลาดมีความกังวลเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คืนนี้ เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่าเฟดจะ ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% หรือ 0.50% เพราะเป็นการเริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรก อีกทั้งต้องรอดูว่าประธานเฟด จะมีมุมมองต่อภาวะ เศรษฐกิจอย่างไร "บาทอ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลก หลังปรับตัวแข็งค่าลงมาเร็ว ตลาดรอดูผลประชุมเฟดคืนนี้เป็นหลัก" นัก บริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.30 - 33.55 บาท/ดอลลาร์ SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.3100 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 141.85 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 140.64 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1122 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1137 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.275 บาท/ดอลลาร์ - "ธนาคารพาณิชย์" ประกาศ ผนึก "พันธมิตร" ยื่นขอใบอนุญาต "เวอร์ชวลแบงก์" ด้าน "กรุงไทย" รับยื่นขอไลเซนส์ ธปท. แล้ว พร้อมจับมือ "กรุงไทย-เอไอเอส-โออาร์" มั่นใจพาร์ตเนอร์ 3 รายแกร่ง ชี้ "จุดแข็ง" เอื้อเข้าถึงลูกค้า "กลุ่มอัน เดอร์เซิร์ฟ" จากการใช้เทคโนโลยีอีโคซิสเต็ม "แบงก์กรุงเทพ" รับอยู่ระหว่างพิจารณาร่วมกับกลุ่ม "บีทีเอส (BK:BTS)" ขอไลเซนส์เวอร์ชวล แบงก์ ชี้อีก 2 วันชัดเจน - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ในอัตรา 6.3% (ไม่รวม ภาษีท้องถิ่น) หรือ 7% (รวมภาษีท้องถิ่น) ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 1 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2567 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2568 จากเดิม ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2567 - กระทรวงการท่องเที่ยวฯ โชว์ต่างชาติเที่ยวไทยทะลุ 24.8 ล้านคน สร้างรายได้ 1.16 ล้านล้านบาท จีนแชมป์ ด้าน ททท.พร้อมกดปุ่ม 'เราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง' ทันที - ธนาคารพาณิชย์" รับ สินเชื่อปี 67 "โตช้า-ไม่โต" สอดคล้องเศรษฐกิจทรุด" ศูนย์วิจัยกสิกรไทย" ประเมินสินเชื่อระบบ แบงก์พาณิชย์ไทยปีนี้ เสี่ยงหลุดเป้า 1.5% เหตุ "หนี้ครัวเรือน" อยู่ระดับสูง "แบงก์กรุงเทพ" ยันประคองสินเชื่อโต 3% รับ "หนี้เสีย" เป็น "ขาขึ้น" ต่อเนื่อง ย้ำยังบริหารจัดการได้ "กรุงไทย" รับสินเชื่อโตระดับต่ำเร่งประคองช่วยลูกหนี้ - "คลัง" เผยนักลงทุนมีความเชื่อมั่นเงินไหลเข้าไทย ดันบาทแข็ง-ดัชนีหุ้นขึ้น พร้อมชงตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกฯ เป็นประธาน เพื่อเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องตลอดปีงบประมาณ 68 เผยดิจิทัลวอลเล็ตเป็น แค่ส่วนหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ - นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออก ข้าวไทย เปิดเผยว่า เงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง จนถึงระดับ 33 บาท/เหรียญสหรัฐ กำลัง ส่งผลต่อการแข่งขันด้านราคาส่งออกสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร รวมถึงข้าว ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้น(กำไร) ต่ำอยู่แล้ว อาจเจอ ปัญหาขาดทุนค่าเงินจากนี้สำหรับ คำสั่งซื้อล่วงหน้าและกำลังทยอยส่งมอบ ซึ่งทุก 1 บาทต่อเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าหรืออ่อนค่า จะมีผลต่อราคา ส่งออกข้าวไทย 15 เหรียญสหรัฐต่อตัน - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นัก วิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2% หลังจากที่พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่งตลอดช่วงไตร มาส 3 ปีนี้ - ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (17 ก. ย.) ขานรับรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใน วันนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (17 ก.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการ พุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ในวันนี้ ท่ามกลางความหวัง ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี - นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันนี้ (18 ก.ย.) โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นัก ลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วที่ให้น้ำหนักเพียง 34% - นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด รวมทั้งรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และการเปิดเผยตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของคณะกรรมการเฟด เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน ประเทศ (GDP), อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ