Investing.com - สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่อ่อนค่าลงในวันนี้ เนื่องจากการกำหนดภาษีการค้าใหม่ของแคนาดาที่มีต่อจีนได้เพิ่มความกลัวเกี่ยวกับสงครามการค้า ขณะที่การฟื้นตัวของเงินเยนญี่ปุ่นก็ถูกขัดขวางโดยข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอ
การฟื้นตัวของเงินดอลลาร์จากระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดในภูมิภาค เนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ลิเบีย และยูเครน ทำให้เกิดความต้องการสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะที่เป็นสกุลเงินปลอดภัย อีกทั้งความต้องการดังกล่าวยังช่วยจำกัดการขาดทุนของเงินเยนอีกด้วย
แต่ความคาดหวังอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐก็ยังคงทำให้นักลงทุนเลือกถือครองสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียมากกว่าดอลลาร์ และทำให้สกุลเงินในภูมิภาคยังคงรักษาการกำไรที่ทำไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ไว้ได้
การฟื้นตัวของเงินเยนหยุดชะงักหลังจากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอ
คู่เงิน USDJPY ของเงินเยนญี่ปุ่น ขยับขึ้น 0.1% มาเป็น 144.78 เยนในวันนี้ หลังจากแตะระดับ 143 เยนเมื่อต้นสัปดาห์นี้
การฟื้นตัวของเงินเยนหยุดชะงักหลังจากข้อมูล ดัชนีราคาบริการของบริษัท ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อของผู้ผลิตเปิดเผยออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนในปีนี้
เงินเยนยังฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังจาก คาซูโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ย้ำถึงแผนการของธนาคารกลางในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งความคาดหวังเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่ลดลงก็ช่วยหนุนค่าเงินเยนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอกลับทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับขอบเขตที่ BOJ สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ซึ่งทำให้ความสนใจในสัปดาห์นี้จะจับจ้องไปที่ ข้อมูลเงินเฟ้อผู้บริโภคในโตเกียว ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์นี้
เงินหยวนอ่อนค่าหลังแคนาดากำหนดภาษีนำเข้า
คู่เงิน USDCNY ของเงินหยวนจีน ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากแคนาดาประกาศว่าจะกำหนดภาษีนำเข้า 100% สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากจีน ตามมาตรการที่คล้ายคลึงกันจากสหรัฐและยุโรป
อีกทั้งแคนาดายังจะกำหนดภาษีนำเข้าที่ 25% สำหรับเหล็กที่ผลิตในจีนอีกด้วย
แม้ว่าการส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าไปยังแคนาดาจะมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าของจีนทั้งหมด แต่ปักกิ่งยังคงแสดงความไม่พอใจต่อการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาษีตอบโต้จากจีน ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามการค้าครั้งใหม่กับตะวันตก
ภาษีศุลกากรดังกล่าวยังส่งผลเสียต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนอีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้กำลังเผชิญกับการเติบโตที่ซบเซาและภาวะเงินฝืด
เงินดอลลาร์ถูกกดดันจากการคาดการณ์ลดอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์ และ ดัชนีดอลลาร์ฟิวเจอร์ส ต่างก็ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในตลาดเอเชีย หลังจากเพิ่มขึ้นที่ 0.2% จากระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนเมื่อวันจันทร์
แต่แนวโน้มของเงินดอลลาร์ยังคงคลุมเครือจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณที่ดู dovish อีกทั้งความคาดหวังดังกล่าวยังทำให้แนวโน้มของสกุลเงินเอเชียสดใสขึ้น โดยเทรดเดอร์กำลังคาดการณ์กันว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงที่ 25 หรือ 50 จุดกันแน่ในเดือนกันยายน
แต่สกุลเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ก็ยังคงทรงตัวในวันนี้ โดยคู่เงิน USDKRW ของเงินวอนเกาหลีใต้ ปรับตัวขึ้น 0.2% ขณะที่คู่เงิน USDSGD ของดอลลาร์สิงคโปร์ แทบไม่เคลื่อนไหว
คู่เงิน AUDUSD ของดอลลาร์ออสเตรเลีย ปรับตัวขึ้น 0.2% และทำผลงานได้ดีกว่าสกุลเงินอื่นในเอเชีย เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
คู่เงิน USDINR ของเงินรูปีอินเดีย ขยับขึ้น 0.1% และเคลื่อนไหวกลับมาใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง