รับส่วนลด 40%
🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.14 พลิกแข็งค่า หลังเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด จับตาผลประชุม BoE-ECB

เผยแพร่ 14/12/2566 16:25
© Reuters.  ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.14 พลิกแข็งค่า หลังเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด จับตาผลประชุม BoE-ECB
USD/THB
-

InfoQuest - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.14 บาท/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแรง จากระดับปิดวันก่อนที่ 35.80 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังตลาดทยอยรับรู้ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คงดอกเบี้ยไว้ ตามคาด ขณะที่มุมมองของเฟดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยในอนาคตผ่าน Dot Plot และถ้อยแถลงของประธานเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดคลาย กังวลต่อแนวโน้มที่ว่าเฟดอาจคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน "ภาพดังกล่าว กดดันให้เงินดอลลาร์ และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงหนัก ขณะเดียวกัน ส่งผลให้ราคาทองคำรีบาวด์ ขึ้นแรง ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าว มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น" นายพูนระบุ วันนี้ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยตลาดจะจับตาว่า ทั้ง 2 ธนาคารกลาง จะตัดสินใจคงดอกเบี้ยเหมือนเฟดหรือไม่ รวมทั้งจะเริ่มส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยลงในปีหน้า อย่างที่ตลาดคาดหรือ ไม่ ทั้งนี้ ประเมินว่า การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็วและแรงของเงินบาท อาจชะลอลงบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน อาจ รอจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้นในการทยอยซื้อเงินดอลลาร์ นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 34.95-35.25 บาท/ดอลลาร์ SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 35.15750 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 142.36 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 145.79/81 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0894 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0785/0789 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 35.752 บาท/ดอลลาร์ - เอดีบีปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยโต 2.5% แบงก์ชาติมั่นใจห่างไกลเงินฝืด ย้ำมีหรือไม่มีดิจิทัลวอลเล็ตปีหน้าโตได้ 3.2% ด้านพาณิชย์เผยขึ้นค่าจ้าง 2.37% กระทบเงินเฟ้อแค่ 0.25% - 'เศรษฐา'หนักใจเศรษฐกิจปี'67 ยอมรับยังวิกฤตหลายปัญหารุม วอนปรับเพิ่มค่าแรงอีก รับไม่ได้สิบปีขยับแค่ 37 บาท ติว เข้ม ททท.ลุยเที่ยวเมืองรอง แบงก์ชาติประสานเสียงพาณิชย์การจับจ่ายยังไม่เข้าภาวะเงินฝืด ลุ้น ครม.เคาะค่าไฟ 19 ธ.ค. - "เศรษฐา" มอบนโยบายส่งเสริมท่องเที่ยว สั่ง ททท.หาทางเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อทริปของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น พร้อมรุกหาจุดเด่นเมืองรอง "สุดาวรรณ" รับลูกไปหารือว่าจะเพิ่มจากปีนี้ที่เฉลี่ย 43,000 บาทต่อหัวต่อทริปได้อีกเท่าใด ขณะที่ผู้ว่าการ ททท.พร้อมสู้เต็มที่ขอให้สั่งมา - ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ได้นำคณะนักธุรกิจไทยกว่า 34 คน จากสาขา ธุรกิจที่มีศักยภาพ ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง อาหาร อสังหาริมทรัพย์ อัญมณีและเครื่องประดับ พลังงาน การเงิน โรงแรมและบริการ โรง พยาบาลและการบริการด้านสุขภาพ การศึกษา เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 9-13 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำการสานต่อ ความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างนักธุรกิจทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเอกชนทั้ง 2 ประเทศได้ตั้งเป้าหมายขยายมูลค่าการค้าในปี 67 เพิ่มขึ้นอีก 20% จากปี 66 โดยอยู่ที่ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่คาดว่าในปี 66 จะมีมูลค่าการค้ารวม 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ - คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี โดยการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดัง กล่าวเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับ ตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25% - ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) โดยกล่าวว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก และเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะไม่สร้างความผิดพลาดด้วยการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลา นานเกินไป - ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพธ (13 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปีหน้า - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (13 ธ.ค.) ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม - นักลงทุนจับตาธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่ง คาดว่าทั้งสองธนาคารจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย