🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 36.50/52 อ่อนค่าหลังตลาดหุ้นร่วงแรง คาดกรอบสัปดาห์หน้า 36.30-36.30

เผยแพร่ 21/10/2566 00:38
© Reuters.  ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 36.50/52 อ่อนค่าหลังตลาดหุ้นร่วงแรง คาดกรอบสัปดาห์หน้า 36.30-36.30
USD/THB
-

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 36.50/52 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาด เมื่อเช้าที่ระดับ 36.45 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.40 - 36.55 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทอ่อนค่าในช่วงบ่าย เนื่องมาจากหุ้นไทยติดลบค่อนข้างแรง ด้านสกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับเงินบาท สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ การแถลงของสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันอังคารไว้ที่ 36.30 - 36.60 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ 149.93/96 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 149.92 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ 1.0589/0593 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 1.0567 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,399.35 จุด ลดลง 23.69 จุด (-1.66%) มูลค่าการซื้อขาย 52,983.02 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,237.01 ลบ. - ราคาทอง (ทองคำ 96.5%) ในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวานนี้บาททองคำละ 450 ตามทิศทางราคาทองในตลาดโลก จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีแนวโน้มบานปลาย ทำให้มีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย - ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงสถานการณ์สงครามอิสราเอลและกลุ่มฮามาสว่า ในส่วน ของผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมนั้น เนื่องจากการค้าขายโดยตรงระหว่างไทยกับอิสราเอลมีมูลค่าไม่มากนัก ดังนั้น ในทางตรงเราได้รับ ผลกระทบสั้นๆ แต่ผลกระทบทางจิตวิทยา คาดว่าอาจกระทบราคาน้ำมัน เนื่องจากอิสราเอลอยู่ใกล้ตะวันออกกลาง ทั้งนี้ หากสถานการณ์ สงครามไม่บานปลาย แต่ก็อาจมีผลกดดันราคาน้ำมัน ประกอบกับเป็นช่วงใกล้ฤดูหนาว ราคาน้ำมันจึงขยับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เชื่อว่าคงไม่ทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล - ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. 66 อยู่ที่ระดับ 90.0 ปรับตัวลดลงจาก 91.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการลด ลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เป็นผลมาจากภาคการผลิตที่ชะลอตัว กำลังซื้อในประเทศอ่อนแอ ขณะที่อุปสงค์จากประเทศคู่ค้าชะลอตัวตามภาวะ เศรษฐกิจโลก และการอ่อนค่าของเงินบาท เนื่องจากเงินทุนไหลออกจากประเทศในช่วงที่ผ่านมา จากความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย ของเฟด รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท. นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เดือนก.ย. มีปัจจัยสนับสนุน จากมาตรการรัฐช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน รวมทั้งการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยว - ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.33 แสนล้านหยวน (1 แสน ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ โดยดำเนินการผ่านทางสัญญาซื้อคืน (reverse repurchase contracts) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงิน ระยะสั้นของจีน และการดำเนินการดังกล่าวบ่งชี้ว่าจีนมีเป้าหมายที่จะรักษาต้นทุนการกู้ยืมให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ - ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นในวันนี้ ซึ่งเป็นการแทรกแซงครั้งที่ 5 ในเดือนนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 10 ปี ซึ่งเป็นความพยายามที่จะป้องกันไม่ให้อัตราผล ตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นพุ่งขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ - รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (20 ต.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด แต่รวม เชื้อเพลิง เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 และชะลอ ตัวลงจากระดับ 3.1% ในเดือนส.ค. - มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล โดยมีแนวโน้มที่จะปรับลดอันดับความน่า เชื่อถือซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ A1 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่รุนแรงและไม่คาดคิดระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติด อาวุธในปาเลสไตน์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า อินเดียจะมีส่วนมากขึ้นในการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจอินเดียยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็ว

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย