InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 35.76 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 35.59 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.60 - 35.77 บาท/ดอลลาร์ เป็นไปในทิศทางที่อ่อนค่าเช่นเดียวกับสกุลเงินอื่น ในภูมิภาค นอกจากนี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่า "เงินบาททำ high ที่ 35.77 อ่อนค่าสุดในรอบ 9 เดือนครึ่ง นับตั้งแต่ พ.ย.65" นักบริหารเงิน ระบุ ทั้งนี้ ตลาดรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือนส.ค.ของสหรัฐฯ คืนนี้ ซึ่งหากเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ก็มีโอกาส ให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และส่งผลให้เงินบาทยังมี ทิศทางอ่อนค่าได้ต่อ นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50 - 35.80 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 147.36 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 147.33/35 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0730 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0753/0757 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,535.31 จุด ลดลง 10.19 จุด (-0.66%) มูลค่าซื้อขาย 44,303.73 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,633.22 ลบ.(SET+MAI) - ครม. อนุมัติฟรีวีซ่าเป็นการชั่วคราว แก่นักท่องเที่ยวจีน และคาซักสถาน ในการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยมีผลตั้งแต่ วันที่ 25 ก.ย.66 - 29 ก.พ.67 หลังจากหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฝ่ายความมั่นคง และบมจ.ท่าอากาศยานไทย (BK:AOT) ซึ่งแน่ใจว่าทุกภาคส่วนพร้อมรองรับ - ครม. อนุมัติปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือน ก.ย.- ธ.ค. 66 ในอัตรา 4.45 บาทต่อ หน่วย ลงเหลือในอัตรา 4.10 บาทต่อหน่วย และตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. -31 ธ.ค. 66 โดยใช้กลไกของภาษีสรรพสามิต และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง - รัฐบาลตั้งเป้าหมายในปี 2567 ให้รายได้จากการท่องเที่ยวขึ้นไปแตะ 3.1 ล้านล้านบาท และมียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้าไทยที่ 40 ล้านคน พร้อมชู 10 มาตรการ หวัง restart ภาคการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ เพื่อให้เป็นเครื่องจักรที่ช่วยทำรายได้เข้า ประเทศ หรือเป็น Quick win New Income หล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจ - โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของอังกฤษ สำหรับปี 2566 ลงสู่ระดับ 0.3% จากเดิมคาดไว้ 0.5% ก่อนหน้านี้ หลังเศรษฐกิจอังกฤษเดือนก.ค. หดตัวในอัตราที่รวดเร็วอย่างคาดไม่ ถึง - สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจเดือนก.ค.ของอังกฤษ หดตัว 0.5% จากเดือนมิ.ย.เนื่อง จากการนัดหยุดงานในโรงพยาบาลและโรงเรียน ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต นอกจากนี้ อัตราว่างงานของอังกฤษ ยังสูงกว่าที่ธนาคาร กลางอังกฤษ (BoE) คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แม้ BoE จะยังคงกังวลว่าการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างที่แข็งแกร่ง จะกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ อย่างต่อเนื่อง - ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค., จำนวนผู้ ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส. ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เป็นต้น