รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ธปท. พร้อมช่วยลูกหนี้เพิ่ม หากสถานการณ์โควิด-19 ยืดเยื้อ

เผยแพร่ 21/07/2564 15:47
อัพเดท 21/07/2564 15:52

โดย วณิชชา สุมานัส

Investing.com - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมพิจารณาขยายมาตรการเพิ่มเติมตามสถานการณ์และไฟเขียวให้สถาบันการเงินขยายเวลาช่วยลูกหนี้ ยอมรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ปัจจุบันอาจไม่เพียงพอท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ล่าสุด เช่น มาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือนอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยลูกหนี้ เพราะเป็นเพียงมาตรการเร่งด่วนที่ออกมาช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่สีแดงให้สามารถประคองตัวผ่านช่วงวิกฤตไปได้ในเบื้องต้นเท่านั้น แต่ไม่ได้ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาหนี้ในระยะยาว รวมถึงมาตรการพักชำระหนี้ระยะที่ 3 ที่จะครบกำหนดในช่วงสิ้นปี 2564 ด้วย

นางธัญญนิตย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ธปท. อาจพิจารณาขยายมาตรการได้อีกตามสถานการณ์ ขณะที่สถาบันการเงินสามารถขยายระยะเวลาพักชำระหนี้ให้แก่ลูกค้าได้ทันทีแม้จบช่วงมาตรการของ ธปท.ไปแล้ว โดยปัจจุบันพบว่าสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) บางแห่งได้มีการขยายระยะเวลาการพักชำระหนี้แก่ลูกค้านานถึง 6 เดือน

ขณะที่ภาวะหนี้ครัวเรือนไทย ณ ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 90.5% ของจีดีพี หรือคิดเป็นมูลหนี้ครัวเรือนประมาณ 14.1 ล้านล้านบาท โดยหนี้ครัวเรือนมีเจ้าหนี้ค่อนข้างหลากหลาย ได้แก่ หนี้ธนาคารพาณิชย์ 43% หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ 29% หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ 15% หนี้บริษัทลัสซิ่ง 6% หนี้บริษัทบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 4% และอื่นๆ 3% รวมถึงหนี้ที่อยู่นอกกำกับดูแลของ ธปท.ที่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ หนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หนี้สหกรณ์ครูและสหกรณ์ตำรวจ และหนี้เกษตรกร ฯลฯ

สำหรับภารกิจช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงที่ผ่านมา ข้อมูลล่าสุด ณ เดือน พ.ค.2564 พบว่ามีลูกหนี้ที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 4.9 ล้านราย (บัญชี) มูลค่า 3.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรายใหญ่ 2,060 ราย มูลค่า 6 แสนล้านบาท สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) 5 แสนราย มูลค่า 1 ล้านล้านบาท และสินเชื่อรายย่อย 4.4 ล้านบัญชี มูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท

โดยธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐที่ขานรับนโยบายของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยในการออกมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา , ธนาคารไทยพาณิชย์ , ธนาคารกรุงเทพ , ธนาคารกสิกรไทย , ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์,  ธนาคารออมสิน,  ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.), และธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีเอ็มบีธนชาต (TTB) ซึ่งรายละเอียดเพิ่มให้ติดต่อธนาคารโดยตรง

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย