โดย Leika Kihara และ Daniel Leussink
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่สองทรุดตัวลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลก เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และจึงเป็นภาระอันหนักอึ้งสำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะนำพาประเทศญี่ปุ่นให้ฟื้นตัวจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่านี้
ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความท้าทายอย่างมาก โดยรายจ่ายในครัวเรือนและอัตราค่าจ้างในญี่ปุ่นประจำเดือนกรกฎาคมลดลงเนื่องจากผลกระทบจากการระบาดที่ทำให้ภาคการบริโภคอ่อนแอลงแม้ได้มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมก็ตาม
การรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในวันนี้ระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่สองเมื่อเทียบเป็นรายปีทรุดตัวลง 28.1% หนักกว่าที่คาดไว้เบื้องต้น 27.8%
การทรุดตัวลงครั้งนี้เกือบเท่ากับผลคาดการณ์โดยเฉลี่ยจากผลสำรวจของรอยเตอร์สที่คาดว่าจะทรุดตัวลง 28.6%
สาเหตุหลักเนื่องมาจากรายจ่ายเพื่อการได้มาของสินทรัพย์ที่ลดลง 4.7% ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ 1.5% ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลอย่างเป็นวงกว้างอย่างมากต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวจะทำให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่ที่จะได้รับเลือกตั้งในวันที่ 14 กันยายนนี้ได้รับแรงกดดันอย่างหนักในการออกมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ