โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคมมีดังต่อไปนี้
1. ตัวเลขจากตลาดแรงงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ และตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนมิถุนายนในวันนี้ ซึ่งตัวเลขการจ้างงานประกาศออกมาเร็วกว่าปกติหนึ่งวันเนื่องจากวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุด
จำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.355 ล้านรายจาก 1.48 ล้านราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการต่อเนื่องคาดว่าจะลดลงเหลือ 19.0 ล้านราย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรคาดว่าจะสูงขึ้น 3 ล้านราย แต่ตัวเลขที่ออกมาก็อาจมีการทบตัวเลขของเมื่อเดือนพฤษภาคมที่สูงขึ้น 2.509 ล้านรายด้วย
2. สหรัฐชะลอการเปิดเศรษฐกิจ หลังยอดผู้ติดเชื้อสูงเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ตลาดควรทราบว่าตัวเลขตลาดแรงงานทั้งสองตัวเลขข้างต้นนั้นรวบรวมข้อมูลก่อนที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะพุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศสหรัฐ โดยเมื่อวันอังคารสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดมากกว่า 50,000 ราย และยอดผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็สูงขึ้นโดยเฉพาะในแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส
Apple (NASDAQ:AAPL) ได้สั่งปิดทำการร้านค้าหนึ่งในสี่จากทั้งหมด ขณะที่ McDonald ก็ชะลอกำหนดการเปิดร้านค้าด้วย
นอกจากนี้ประธานเฟดประจำเซนต์ลูอีส นายเจมส์ บุลลาร์ด ยังได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากสหรัฐไม่สามารถควบคุมการระบาดได้
บุลลาร์ดให้สัมภาษณ์กับ Financial Times ว่า “การระบาดครั้งนี้ยังคงมีความสามารถในการทำให้เราประหลาดใจได้เสมอ" และ "หากไม่มีการจัดการความเสี่ยงอย่างละเอียดในภาคส่วนนโยบายสาธารณสุข เราอาจต้องประสบกับการล้มละลายครั้งใหญ่ขององค์กรต่าง ๆ อีกครั้ง และอาจนำพาไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเงิน"
3. ตลาดหุ้นเตรียมปรับตัวขึ้นพอสมควร มูลค่าของ Tesla (NASDAQ:TSLA) แซง Toyota
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนบวก หลังจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP และดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อของสถาบันการจัดการอุปทาน (ISM) เมื่อวานนี้ส่งผลต่อตลาดมากกว่าภาวะวิกฤตทางสาธารณสุขทั่วประเทศสหรัฐ
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าขยับขึ้น 221 จุดหรือ 0.9% สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าดีดขึ้น 0.6% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าดีดขึ้น 0.4%
หุ้นที่น่าจับตาในวันนี้คือ Tesla ซึ่งได้มีมูลค่าตามราคาตลาดที่สูงขึ้นแซง Exxon Mobil และ Toyota ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตเพียง 4% จากกำลังการผลิตทั้งหมดของ Toyota นอกจากนี้หุ้นการค้าปลีกก็จะได้รับผลกระทบหากมีสัญญาณเกี่ยวกับการชะลอการเปิดเศรษฐกิจหรือการล็อกดาวน์อีกครั้ง
4. ตลาดฮ่องกงและรัสเซียไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมือง
ตลาดฮ่องกงบวกขึ้น 2.9% ไม่ได้รับแรงกดดันจากมติของสภาที่ใช้มาตรการแซงก์ชันธนาคารที่ทำธุรกิจกับรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายฉบับใหม่ที่จะสิ้นสุดความเป็นเอกเทศของฮ่องกง
สหราชอาณาจักรได้เสนอโครงการสมัครเพื่อเป็นพลเมืองอังกฤษสำหรับประชาชนฮ่องกงทั้ง 3 ล้านราย ขณะที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายสก็อตต์ มอร์ริสัน ก็เผยว่าทางรัฐบาลออสเตรเลียกำลังพิจารณาที่จะเสนอ "ที่พำนักที่ปลอดภัย" ให้แก่ประชาชนฮ่องกงด้วย
ทางด้านดัชนี RTS ของรัสเซียบวกขึ้น 2.6% และค่าเงินรูเบิลแข็งค่าขึ้นหลังจากประชาชนลงคะแนนเสียงเพื่อปรับเปลี่ยนข้อกำหนดทางรัฐธรรมนูญที่จะอนุญาตให้ประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิมีร์ ปูติน ดำรงตำแหน่งได้จนถึงปี 2036
5. ราคาน้ำมันยืนเหนือ $40 หลังตลาดส่งสัญญาณคืนสู่สมดุล
ราคาน้ำมันดิบคงตัวเหนือ $40 ต่อบาร์เรล หลังจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐอย่างเป็นทางการออกมาลดลงเกินคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากำลังการผลิตที่ลดลงและอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐที่สูงขึ้นในไตรมาสที่สองลดลงมากกว่าที่คาดไว้ โดยราคาได้ปรับตัวลงในภายหลังท่ามกลางความกังวลว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่สูงขึ้นอาจส่งผลให้มีความจำเป็นต้องเลื่อนการเปิดเศรษฐกิจ
เมื่อเวลา 6:30 น. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐดีดขึ้น 0.6% เท่ากับ $40.05 ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาเบรนท์ขยับขึ้น 0.6% เท่ากับ $42.27 ต่อบาร์เรล