รายงานข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่กำลังจะเปิดเผยในวันนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับตลาดการเงิน โดยมีผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ตั้งแต่ "ดี" ไปจนถึง "แย่มาก" ตามที่ Sevens Research กล่าวไว้ในบันทึกล่าสุด
ผลลัพธ์ดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความคาดหวังของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน และมีอิทธิพลต่อการดำเนินงานของตลาดหุ้น
ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ ได้เน้นย้ำว่าข้อมูลเงินเฟ้อที่เอื้ออำนวยมีความสำคัญต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
ตามรายงานของ Sevens Research ข้อมูล CPI ที่ "ดี" จะมี Core CPI ต่ำกว่า 3.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ Headline CPI จะอยู่ที่ 3.1% หรือน้อยกว่า
พวกเขาเชื่อว่าผลลัพธ์ดังกล่าวน่าจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้การปรับลดนั้นแทบจะเป็นสิ่งที่แน่นอน และช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อไป
Sevens Research คาดการณ์ว่าภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ดัชนี S&P 500 น่าจะยังคงแนวโน้มขาขึ้นต่อไป โดยมีภาคการเติบโตและเชิงรับเป็นผู้นำ
นอกจากนี้ พวกเขายังระบุว่าข้อมูล CPI ที่เป็นไปในทางบวกอาจทำให้อัตราผลตอบแทนของ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงต่ำกว่า 4.20% และทำให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ
ในทางกลับกัน บริษัทกล่าวว่าตัวเลข CPI ที่ "แย่" จะมี Core CPI อยู่ที่ 3.4% ขึ้นไป และ Headline CPI จะอยู่ระหว่าง 3.2% กับ 3.3% ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พวกเขาอธิบายว่าผลลัพธ์นี้อาจลดแรงจูงใจของเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และนำไปสู่การตอบสนองแบบเชิงลบเล็กน้อยในตลาดหุ้น ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว Sevens คาดว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอาจเพิ่มขึ้น และดัชนีดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงเล็กน้อย
และในท้ายที่สุด รายงาน CPI ที่ "แย่มาก" โดยมี Core CPI สูงกว่า 3.4% และ Headline CPI มากกว่า 3.3% อาจนำไปสู่การเทขายในตลาดอย่างรุนแรง
ด้วยแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ขัดแย้งกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลงในปัจจุบัน ราคาหุ้นอาจร่วงลงมากกว่า 1% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอาจพุ่งสูงขึ้น ท้าทายการเพิ่มขึ้นของตลาดล่าสุด
Sevens ยังกล่าวอีกว่าดัชนีดอลลาร์น่าจะพุ่งสูงขึ้น และแม้จะมีข่าวดีจากส่วนอื่น ๆ แต่ก็อาจไม่สามารถป้องกันการปรับตัวลดลงของตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ