Investing.com - หุ้นเทคโนโลยีดูเหมือนจะร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ หลังจากคำแนะนำที่น่าผิดหวังจาก ASML และความกังวลเกี่ยวกับไต้หวัน ด้าน Amazon ดูเหมือนจะได้รับประโยชน์จาก Prime Day ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง
1. หุ้นฟิวเจอร์สร่วงตามกลุ่มเทคฯ
หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ปรับลดลงในวันนี้และขยับห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังภาคเทคโนโลยีได้รับผลกระทบจากการขายเพราะการคาดการณ์ที่น่าผิดหวังจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของเนเธอร์แลนด์อย่าง ASML (AS:ASML)
เมื่อเวลา 04:30 ET (08:30 GMT) ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ลดลง 70 จุด หรือ 0.2%, S&P 500 ฟิวเจอร์ส ลดลง 45 จุด หรือ 0.8% และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ลดลง 270 จุด หรือ 1.3%
ด้านดัชนีหลักยังปิดสูงขึ้นในวันจันทร์ โดย ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 700 จุดและปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งยังมีกำไรที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นกลับกลายเป็นเชิงลบหลังจากการคาดการณ์ยอดขายในไตรมาสที่สามของ ASML (AS:ASML) ต่ำกว่าที่คาด แม้ว่ายอดขายในไตรมาสที่สองจะแข็งแกร่งก็ตาม โดยมียอดขายแตะระดับสูงสุดของระดับคำแนะนำ
อีกทั้งยังมีผลประกอบการอื่น ๆ ให้ติดตามต่อไปอีกในวันนี้ รวมถึงจาก United Airlines (NASDAQ:UAL) Johnson & Johnson (NYSE:JNJ) และ U.S. Bancorp (NYSE:USB)
ในด้านเศรษฐกิจ รายงาน Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็กำลังจะถูกเปิดเผย เช่นเดียวกับข้อมูล การเริ่มก่อสร้างบ้าน และ ใบอนุญาตก่อสร้าง สำหรับเดือนมิถุนายน
2. TSMC อ่อนตัวจากความเห็นของทรัมป์
โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯ ได้ก้าวเข้าสู่ประเด็นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยกล่าวว่าไต้หวันควรจ่ายเงินให้สหรัฐฯ สำหรับการจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน เนื่องจากไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับประเทศ
“ผมรู้จักพวกเขาดีมาก เคารพพวกเขามาก พวกเขาเข้าครอบครองธุรกิจชิปของเราประมาณ 100% ผมคิดว่าไต้หวันควรจ่ายเงินให้เราสำหรับการป้องกันประเทศ” ทรัมป์กล่าวในการสัมภาษณ์กับ Bloomberg Businessweek เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยเสริมว่าเขารู้สึกว่าสหรัฐฯ ไม่มีความแตกต่างอะไรไปจากบริษัทประกันภัยเลย
เสรีภาพของไต้หวันถือเป็นประเด็นสำคัญระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ป้องกันตัวที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน แม้ว่าจะไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อกันและกันก็ตาม
ผลจากคำพูดดังกล่าวได้ทำให้หุ้นของ Taiwan Semiconductor Manufacturing (NYSE:TSM) ร่วงลงอย่างมาก โดย TSMC ถือเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดของไต้หวัน รวมถึงเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับจีนด้วย
ไต้หวันเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีทั่วโลก โดยมีเซมิคอนดักเตอร์จำนวนมากของโลกผลิตในประเทศนี้
TSMC จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีนี้ และคาดว่าจะมีกำไรประจำไตรมาสที่แข็งแกร่งจากความต้องการที่ยั่งยืนจาก AI ข้อมูลประจำเดือนยังแสดงให้เห็นว่าบริษัทยังได้รับประโยชน์จากรายได้ที่สูงกว่าที่คาดมากในไตรมาสที่สอง
3. Amazon Prime Day มียอดขายที่แข็งแกร่ง
กิจกรรมช้อปปิ้งประจำปี Prime Day ของ Amazon (NASDAQ:AMZN) ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน จะสิ้นสุดลงในวันนี้ และคาดว่ายอดใช้จ่ายของลูกค้าอาจเพิ่มขึ้นถึง 10.5% จากปีที่แล้ว ตามการคาดการณ์จาก Adobe (NASDAQ:ADBE) Analytics ซึ่งเป็นบริษัทที่ศึกษาข้อมูลธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ
Adobe กล่าวว่าผู้ซื้อมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายประมาณ 14 พันล้านดอลลาร์ในช่วงวันอังคารและวันนี้ Amazon ได้เปลี่ยนเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ช้าเป็นประจำสำหรับผู้ค้าปลีก ให้กลายเป็นส่วนสำคัญของผลประกอบการประจำปี โดยคิดเป็น 1% ถึง 2% ของยอดขายสุทธิทั่วโลก ตามรายงานของ CFRA Research
Amazon กล่าวว่า วันแรกของ Prime Day 2023 นั้นสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะไม่เปิดเผยยอดขายโดยรวมของ Prime Day ก็ตาม
Adobe คำนวณว่าผู้ซื้อมีการใช้จ่ายถึง 12.7 พันล้านดอลลาร์ที่ Amazon ในช่วง Prime Day ปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่ใช้จ่ายในงานปี 2022 ถึง 6.1%
4. การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหราชอาณาจักร
ความสงสัยยังคงเพิ่มมากขึ้นว่าธนาคารกลางอังกฤษจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนสิงหาคมหรือไม่ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษทรงตัวในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งขัดกับการคาดการณ์ว่าจะลดลงเล็กน้อย
ตัวเลข CPI ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบแบบ รายปี ก็เพิ่มขึ้นที่ 2.0% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน ขัดกับการคาดการณ์ว่าจะลดลงเป็น 1.9%
ที่สำคัญคือ core CPI ซึ่งไม่รวมปัจจัยอาหารและพลังงานที่ผันผวน ยังคงอยู่ที่ 3.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านราคายังคงแข็งแกร่ง
ธนาคารกลางอังกฤษ จะมีการจัดการประชุมในต้นเดือนหน้า และตัวเลขอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าได้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมองว่ามีโอกาสประมาณหนึ่งในสามที่จะเกิดการลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนั้น ลดลงจากเกือบครึ่งก่อนที่จะมีข้อมูลเงินเฟ้อ
“เรารู้ว่าเงินเฟ้อในภาคบริการคือสิ่งที่ธนาคารกลางอังกฤษให้ความสำคัญในขั้นตอนนี้ และการทรงตัวที่ 5.7% เมื่อเทียบรายปีในเดือนมิถุนายนไม่ได้ให้การสนับสนุนเพิ่มเติมก่อนการประชุมวันที่ 1 สิงหาคม” นักวิเคราะห์จาก ING กล่าวในหมายเหตุ
5. ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น
ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ เนื่องจากสัญญาณอุปทานที่ตึงตัวขึ้นในสหรัฐฯ ช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอในส่วนอื่น ๆ ของโลก โดยเฉพาะจีน
เมื่อเวลา 04:30 ET น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.4% เป็น 80.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.4% เป็น 84.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบคงคลัง ของสหรัฐฯ ลดลง 4.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้มาก และชี้ให้เห็นถึงตลาดที่ตึงตัวในผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
สำนักงานข้อมูลพลังงาน ของสหรัฐฯ จะเผยแพร่รายงานสินค้าคงคลังอย่างเป็นทางการในวันนี้
ตลาดน้ำมันดิบยังเผชิญกับการขาดทุนอย่างรุนแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่สุดอย่างจีน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความต้องการที่ชะลอตัว