โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนในวันอังคารที่ 14 เมษายนมีดังต่อไปนี้
1. ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปเตรียมล็อคดาวน์ต่อ ขณะสเปน/อิตาลีจ่อลดหย่อนมาตรการล็อคดาวน์
อิตาลีและสเปนซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในยุโรปจากการระบาดของโควิด-19 กำลังเตรียมลดหย่อนมาตรการควบคุมการระบาดสำหรับธุรกิจที่ไม่จำเป็น หลังจากอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสภายในประเทศดูเหมือนว่าจะเข้าสู่จุดสูงสุดแล้ว อย่างไรก็ตามทั้งสองประเทศยังคงปิดประเทศโดยส่วนใหญ่
ทว่าประเทศทางเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสามประเทศของยุโรปจะยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อคดาวน์อย่างเต็มรูปแบบเป็นเวลาอย่างน้อยอีกสองสัปดาห์ โดยเมื่อวานนี้ฝรั่งเศสได้ขยายการล็อคดาวน์ไปจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม และนายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เกิล ก็คาดว่าจะดำเนินการเช่นเดียวกันหลังจากการประชุมทางไกลกับผู้ว่าการรัฐต่าง ๆ ในวันพรุ่งนี้ ส่วนสหราชอาณาจักรก็กำลังเตรียมขยายการล็อคดาวน์ออกไปอีกสามสัปดาห์
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีอินเดีย นายนเรนทรา โมดี ยังได้ขยายเวลาปิดประเทศอินเดียเป็นเวลาอีกสองสัปดาห์จนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม ส่วนรัสเซียก็ได้รายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่และยอดผู้เสียชีวิตรายวันที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมา
2. ทรัมป์เร่งกดดันผู้ว่าการรัฐเพื่อเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ
ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขามี "อำนาจเบ็ดเสร็จ" ในการจัดการเศรษฐกิจท่ามกลางการระบาด แต่กลับไม่สามารถให้คำตอบได้เมื่อมีการตั้งคำถามในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ให้อำนาจดังกล่าวต่อประธานาธิบดีอย่างชัดแจ้ง และอำนาจในส่วนนอกเหนือจากการควบคุมดูแลของรัฐบาลกลางนั้นจะตกเป็นของรัฐต่าง ๆ
ทั้งนี้กลุ่มรัฐจากฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่าจะให้ความร่วมมือในการประสานงานเพื่อยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนบวก
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนบวกและพลิกฟื้นจากขาลงของเมื่อวานนี้
ในเวลา 6:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1015 GMT) {{8873|สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้า}} ขยับขึ้น 297 จุดหรือ 1.3% ส่วน สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ปรับตัวขึ้น 1.1% และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ขยับขึ้น 1.4%
ตลาดยุโรปเปิดตัวในแดนบวกหลังจากวันหยุดอีสเตอร์ แต่กลับย่อตัวลงมาและขยับหลายทิศทางในระหว่างวันของทางฝั่งยุโรป ส่วนตลาดจีนและญี่ปุ่นก็ปรับตัวขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของจีนในเดือนมีนาคมที่ทรุดตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
4. เตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลรายงานผลประกอบการ Q1
JPMorgan และบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ Johnson & Johnson (NYSE:JNJ) จะประเดิมการรายงานผลประกอบการในวันนี้
ทว่าผลประกอบการของทั้งสองบริษัทน่าจะเป็นเพียงแค่ตัวเลขอ้างอิงเท่านั้น เนื่องจากการระบาดยังไม่ได้เริ่มส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐจนกระทั่งเดือนมีนาคม ดังนั้นตลาดจึงน่าจะจับตาการประเมินทางเศรษฐกิจในระยะสั้นของบริษัทต่าง ๆ มากกว่า
5. ราคาน้ำมันปรับตัวลง ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากการทำข้อตกลงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์อีสเตอร์
กลุ่ม OPEC และประเทศพันธมิตรได้ตกลงกันว่าจะลดปริมาณการผลิตลงในอัตรา 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในอีกสองเดือนข้างหน้า ทว่าวิธีการที่ใช้เพื่อคำนวณการลดกำลังการผลิตในแต่ละวันนั้นชี้ให้เห็นว่าอัตราการลดกำลังการผลิตน้ำมันที่แท้จริงอาจต่ำกว่านั้น
ในเวลา 6:10 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐ ติดลบ 2.4% อยู่ที่ $21.85 ต่อบาร์เรล ส่วน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ลดลง 1.2% เท่ากับ $31.36 ต่อบาร์เรล