Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐขยับสูงขึ้นหลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์เหนือระดับ 40,000 เป็นครั้งแรก หุ้น Nvidia (NASDAQ:NVDA) มีกำหนดจะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยตลาดคาดว่าผู้ผลิตชิปจะเปิดเผยรายได้ที่แข็งแกร่งอย่างมาก ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนก็จะมีการขึ้นกล่าวปราศรัยในวันนี้ อีกทั้งนักลงทุนก็กำลังประเมินทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
1. หุ้นฟิวเจอร์สปรับตัวสูงขึ้น
หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ โดยรวมปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของกำไรในเซสชั่นก่อนหน้าและทำให้ อุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดเหนือระดับ 40,000 เป็นครั้งแรก
เมื่อเวลา 03:48 ET (07:48 GMT) ดัชนี ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 19 จุดหรือ 0.1% S&P 500 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 4 จุดหรือ 0.1% และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 22 จุดหรือ 0.1%
ข้อมูลล่าสุดที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวลงได้ลดทอนความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ทำให้เกิดความคาดหวังว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษในเดือนกันยายน นอกจากดาวโจนส์แล้วดัชนี S&P 500 และ Nasdaq คอมโพสิต ก็ทำสถิติสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน
ความแข็งแกร่งในวอลล์สตรีทกำลังจะได้รับการทดสอบอีกครั้งจากผลประกอบการของบริษัทชุดใหม่ในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานจาก Nvidia กับข้อมูลสินค้าอุปโภคบริโภคที่ทนทานและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็จะเป็นจุดสนใจ เนื่องจากตลาดกำลังมองหาสัญญาณเพิ่มเติมว่าการเติบโตชะลอตัวพอที่จะทำให้เฟดมีเหตุผลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
2. ผลประกอบการของ Nvidia
Nvidia กำลังจะเป็นไฮไลท์ของปฏิทินรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนต่างให้ความสนใจว่าผู้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิกสำหรับ AI จะสามารถโพสต์รายได้ที่พุ่งสูงขึ้นอีกครั้งได้หรือไม่
หุ้นของบริษัทพุ่งสูงขึ้นเกือบ 92% ในปีนี้ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของกระแส AI ในเดือนกุมภาพันธ์ Nvidia คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 24 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก โดย CEO Jensen Huang เชื่อว่า "การประมวลผลที่เร็วขึ้นและ generative AI ได้ถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนแปลง"
ความคิดเห็นจาก Huang ก็น่าจะถูกจับตามองเช่นกัน Nvidia เผชิญกับการแข่งขันจากผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น Intel (NASDAQ:INTC) และ Advanced Micro Devices (NASDAQ:AMD) รวมถึงข้อจำกัดของห่วงโซ่อุปทานและความตึงเครียดทางการเมืองที่คุกคามการส่งออกชิป AI จากสหรัฐไปยังจีน ในขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Alphabet (NASDAQ:GOOGL) บริษัทแม่ของ Google และ Amazon (NASDAQ:AMZN) ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซก็มีรายงานว่าเริ่มพัฒนาชิป AI ของตนเอง ซึ่งอาจจำกัดความต้องการชิปของ Nvidia อีกด้วย
3. คำแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟดและรายงานการประชุม
เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนก็มีกำหนดจะขึ้นกล่าวคำปราศรัยในวันนี้ ซึ่งอาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
สมาชิกคณะกรรมการเฟดหลายคนรวมทั้ง คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ กับฟิลิป เจฟเฟอร์สัน และไมเคิล บาร์ ก็มีกำหนดการณ์จะขึ้นกล่าวคำแถลงต่าง ๆ
ต่อมาในสัปดาห์นี้ เฟดกำลังจะมีการเปิดเผยรายงานการประชุมจากวันที่ 30 เมษายนถึง 1 พฤษภาคม ซึ่งเจอโรม พาวเวลล์ ประทานเฟดระบุว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานเนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังคงสูงอยู่
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมาข้อมูลก็แสดงให้เห็นว่าราคาผู้บริโภคในสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่าที่คาดไว้ในเดือนเมษายน ขณะที่รายงานตลาดแรงงานที่สำคัญกลับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ตัวเลขดังกล่าวได้สนับสนุนเดิมพันที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐานถึงสองครั้งในปีนี้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 23 ปีที่ 5.25% ถึง 5.5%
4. จีนคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
ธนาคารกลางจีนยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงในวันนี้ตามที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าปักกิ่งจะยังคงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป
PBOC รักษาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะหนึ่งปีไว้ที่ 3.45% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอายุห้าปี ซึ่งใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยจำนองยังคงอยู่ที่ 3.95%
อัตราดอกเบี้ยทั้งสองยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากปักกิ่งพยายามสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรักษาสภาวะการเงินในประเทศให้ผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในขณะเดียวกันหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนในตลาดฮ่องกงมีการปรับลดลง แม้ว่าปักกิ่งจะประกาศมาตรการใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมที่กำลังย่ำแย่ก็ตาม จีนได้เปิดเผยนโยบายเหล่านี้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงการผ่อนคลายข้อจำกัดการซื้อบ้านในหลายเมืองใหญ่และกองทุนสำหรับรัฐบาลท้องถิ่นในการซื้ออสังหาริมทรัพย์
5. ราคาน้ำมันดิบพุ่งจากความไม่แน่นอนในอิหร่าน
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันนี้และทำกำไรต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ความไม่แน่นอนของสถาณการณ์ในตะวันออกกลางก็ยังคงมีอยู่ หลังจากรายงานการเสียชีวิตของ Ebrahim Raisi ประธานาธิบดีอิหร่าน
เมื่อเวลา 03:44 ET น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ซื้อขายเพิ่มขึ้น 0.3% ที่ 79.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 84.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยน้ำมันเบรนท์มีการปิดสัปดาห์เพิ่มขึ้นประมาณ 1% เป็นครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์ ขณะที่ WTI เพิ่มขึ้น 2% จากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในสหรัฐและจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
สื่อของอิหร่านกล่าวว่า Raisi ที่ถูกมองว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากผู้นำสูงสุดอย่าง Ayatollah Ali Khamenei ได้เสียชีวิตแล้วจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อวันอาทิตย์ในภูมิภาคห่างไกลทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ
การเสียชีวิตของ Raisi เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่สูงขึ้นในตะวันออกกลาง โดยมีทั้งสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซา อีกทั้งอิสราเอลและอิหร่านก็เปิดฉากโจมตีกันเมื่อต้นปีนี้เช่นกัน