🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (9 - 13 มี.ค.)

เผยแพร่ 09/03/2563 09:56
อัพเดท 09/03/2563 10:50
© Reuters.
CL
-

โดย Noreen Burke

Investing.com - ห้าเรื่องที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้

  1. การประชุมของ ECB

การประชุม ECB วันนี้จะเป็นแบบทดสอบสำคัญสำหรับคริสทีน ลาการ์ด โดย ECB จะต้องรักษาสมดุลระหว่างการแสดงความสามารถที่จะเข้าช่วยเหลือเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องตระหนักด้วยว่าการพลิกฟื้นทางเศรษฐกิจอาจต้องใช้งบประมาณของรัฐบาลในปริมาณมหาศาล แทนการใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินเพียงอย่างเดียว

สมาชิก ECB หลายท่านได้ส่งสัญญาณเตือนว่าอย่าเพิ่งเร่งดำเนินการจนเกินไป เพราะขณะนี้อัตราดอกเบี้ยก็ติดลบอยู่แล้วและจึงไม่น่าจะส่งผลใด ๆ หากจะลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีก

คณะนักวิเคราะห์จาก ING ได้ระบุไว้ในบันทึกว่า “พวกเราอาจได้เห็นการใช้มาตรการขนาดย่อมหลายมาตรการ อาทิ การลดอัตราดอกเบี้ย 0.10 จุด, การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับหลักประกัน, การปล่อยเงินกู้รีไฟแนนซ์ระยะยาว (TLTRO) และโครงการเข้าซื้อหุ้นภาคเอกชน (CSPP)”

  1. งบประมาณของสหราชอาณาจักร

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ของสหราชอาณาจักร Rishi Sunak จะนำเสนองบประมาณครั้งแรกของเขาในวันนี้ โดยตลาดคาดหวังว่าเขาน่าจะประกาศมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่ตั้งเป้าหมายในภูมิภาคที่มีความยากจน แต่การระบาดของไวรัสโคโรนาก็อาจทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องกระตุ้นการใช้จ่ายโดยรวมของสาธารณะด้วย

ความคาดหวังเหล่านั้นยิ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าธนาคารกลางคนใหม่ นายแอนดรูว์ เบย์ลีย์ ที่เสนอแนะให้มีการดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันระหว่างรัฐบาลและธนาคารกลางเพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อมให้รอดพ้นจากแรงกดดันของไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้นายเบย์ลีย์ยังกล่าวไว้ด้วยว่า เขาต้องการเห็นหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ก่อนที่จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางอังกฤษครั้งหน้าในวันที่ 26 มีนาคม

  1. เฟดงดออกสื่อ, ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

คณะสมาชิกเฟดจะเข้าสู่ช่วง "งดออกสื่อ" ก่อนการประชุมครั้งที่จะถึง ซึ่งคณะสมาชิกเฟดจะไม่มีการให้คำกล่าวเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินที่ใดอีกเลยจนกว่าจะถึงการประชุม ในขณะที่ตลาดทั่วโลกต่างก็รอคอยความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาได้หนุนความคาดหวังว่าเฟดจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหลังจากการลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผู้ลงทุนจะรอคอยการรายงานตัวเลขครั้งแรกของ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนประจำเดือนมีนาคมในวันศุกร์นี้ โดยผลคาดการณ์อย่างเป็นเอกฉันท์คาดว่าความเชื่อมั่นน่าจะออกมาลดลง เนื่องด้วยตลาดหุ้นที่ทรุดตัวลงอย่างหนักและสถานการณ์เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่ค่อนข้างย่ำแย่ ซึ่งอาจส่งผลต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ปฏิทินเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ยังประกอบไปด้วย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ, อัตราเงินเฟ้อ และ ดุลการค้า ทว่ารายงานเหล่านี้เป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯ

  1. ข้อมูลทางเศรษฐกิจจีน

ข้อมูลทางเศรษฐกิจจีนที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันเสาร์นี้แสดงให้เห็นถึง ตัวเลขการส่งออก หดตัวลงอย่างฉับพลันในช่วงสองเดือนแรกของปี ส่วน ตัวเลขการนำเข้า ก็ต่ำลงเช่นกัน

ในวันพรุ่งนี้จะมีการรายงานตัวเลขบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อของจีนนั่นก็คือ ดัชนีราคาผู้ผลิต ของเดือนที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะหดตัวลงเนื่องด้วยผลกระทบจากการขาดแคลนอุปทาน

ในอนาคตข้างหน้าอาจมีการส่งสัญญาณเตือนจากภาครัฐเกี่ยวกับปัจจัยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงน่าจะมีการลดอัตราการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคาร, การลดผลตอบแทนหุ้นกู้และพันธบัตร รวมทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยด้วย นอกจากนี้ทางการจีนก็น่าจะเร่งโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ด้วย

  1. สงครามราคาน้ำมัน

ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม OPEC และรัสเซียที่กินเวลามากว่า 3 ปีกลับยุติลงเมื่อวันศุกร์ หลังจากรัสเซียไม่ยินยอมลดกำลังการผลิต น้ำมันดิบ ในอัตราที่มากขึ้นเพื่อรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และกลุ่ม OPEC จึงตอบสนองด้วยการยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับกำลังการผลิตของตนทั้งหมดโดยสิ้นเชิง

ราคาน้ำมัน ทรุดหนักถึง 10% ภายหลังจากสถานการณ์ขณะนี้ได้จุดชนวนความหวาดกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเมื่อครั้งที่ราคาน้ำมันถล่มเมื่อปี 2014

ข้อจำกัดในการลดกำลังการผลิตจะยุติลงในสิ้นเดือนนี้ หมายความว่าประเทศผู้ผลิตกลุ่ม OPEC และที่ไม่ได้อยู่ในเครือ OPEC จะสามารถกลับมาผลิตน้ำมันได้ตามต้องการท่ามกลางตลาดน้ำมันที่มีอุปทานเกินอยู่แล้ว

Bjoernar Tonhaugen จาก Rystad Energy ได้ให้ความเห็นไว้ว่า "ความคืบหน้าครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายและย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันครั้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์"

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย