Investing - นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทยเข้าพบผู้ว่าการธนาคารกลางเมื่อวันจันทร์ ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ภายหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิดซึ่งแน่นอนว่าขัดแย้งกับความพยายามของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ก่อนหน้านี้ เศรษฐาได้ย้ำแผนการอัดฉีดเงิน 560 พันล้านบาท (15 พันล้านดอลลาร์) เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปีหน้าผ่านดิจิตอลวอลเล็ตซึ่งเป็นนโยบายหลักในการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย
การประชุมเกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำคัญเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 2.50% ขณะเดียวกันก็ปรับลดแนวโน้มการเติบโตในปี 2023 ลงเหลือ 2.8% จาก 3.6% โดยคาดการณ์ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากนโยบายใหม่ของรัฐบาล
ธนาคารเพิ่มการคาดการณ์ในปี 2024 เป็น 4.4% จาก 3.8% การเติบโตอยู่ที่ 2.6% ในปีที่แล้ว
เศรษฐาได้เปิดเผยนโยบายที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตในระยะสั้น ตั้งแต่การลดราคาค่าไฟฟ้าไปจนถึงการยกเว้นข้อกำหนดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน
เมื่อเดือนที่แล้ว ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าหลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันศุกร์ว่าการบริโภคยังไม่ต้องการมาตรการสนับสนุนมากนักและการหยุดชั่วคราวมีความเหมาะสม "สำหรับตอนนี้" ตามรายงานของรอยเตอร์ส
นักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 20 คนในการสำรวจของรอยเตอร์สระหว่างวันที่ 27-29 ก.ย. คาดว่า ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการทบทวนครั้งต่อไปในวันที่ 29 พ.ย.
โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจชะลอการลงทุนจากต่างชาติ แต่หากว่าอัตราเงินเฟ้อลงมาอยู่ในกรอบระหว่าง 1-3% จะมีการคาดการณ์ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะหยุดชั่วคราว
นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าแม้แนวทางที่แตกต่างกันของรัฐบาลและ ธปท. แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน
ในไลฟ์สตรีมเมื่อวันจันทร์ เศรษฐาย้ำว่ารัฐบาลจะลดราคาค่าไฟฟ้าและรายได้เกษตรกรสามเท่าภายในสี่ปี ขณะเดียวกันก็ดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
(1ดอลลาร์สหรัฐ = 36.7700 บาท)