ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กําลังเตรียมพร้อมสําหรับสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยตัวเร่งปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่พร้อมที่จะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส และรายงานการจ้างงานในเดือนตุลาคมจะครบกําหนด ดัชนี S&P 500 ซึ่งเพิ่มขึ้น 22% ในปีนี้ เพิ่งถอยกลับจากระดับสูงสุด
ปัจจุบันตลาดซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกําไรที่ 21.8 ตามประมาณการรายได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบกว่าสามปี ตามข้อมูลของ LSEG Datastream Peter Tuz ประธานของ Chase Investment Counsel Corp กล่าวว่าการประเมินมูลค่าที่สูงของตลาดเพิ่มความเสี่ยงของการลดลงอย่างมีนัยสําคัญหากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
สัปดาห์หน้า Alphabet (แนสแด็ก:GOOGL), Microsoft (NASDAQ:MSFT), แนสแด็ก on="Meta Platforms">Meta Platforms (NASDAQ:META), Apple (NASDAQ:AAPL) และ Amazon (NASDAQ:AMZN) มีกําหนดรายงานผลประกอบการ บริษัททั้งห้านี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี "Magnificent Seven" รวมกันคิดเป็น 23% ของน้ําหนักของ S&P 500 ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อดัชนีตลาดในวงกว้าง
ผู้นําด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ซื้อขายที่อัตราส่วน P/E ล่วงหน้าเฉลี่ย 35 เท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของกําไรที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่เหลือ อย่างไรก็ตาม ช่องว่างการเติบโตของกําไรคาดว่าจะแคบลงในไตรมาสต่อๆ ไป Bryant VanCronkhite ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของ Allspring Global Investments เตือนว่าหากเหตุผลสําหรับทวีคูณสูงอ่อนแอลง ราคาหุ้นของพวกเขาก็มีศักยภาพที่จะลดลงอย่างมาก
นักลงทุนยังติดตามว่าการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในปัญญาประดิษฐ์โดยบริษัทเหล่านี้เริ่มจ่ายเงินอย่างไร Microsoft ให้ BofA Global Research ซึ่งเป็น "ไฮเปอร์สเกลเลอร์" AI — Microsoft, Amazon, Alphabet และ Meta — คาดว่าจะเพิ่มรายจ่ายด้านทุน 40% ในปีนี้ ในขณะที่ r แนสแด็ก บริษัทใน S&P 500 คาดว่าจะลดการใช้จ่ายรายจ่าย 1% ในปี 2024
Tesla (NASDAQ:TSLA) ซึ่งเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งของ Magnificent Seven ได้เห็นการพุ่งขึ้นของหุ้นในวันพฤหัสบดีหลังจาก CEO Elon Musk คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์จะเติบโต 20-30% ในปีหน้า
สัปดาห์ที่จะมาถึงไม่เพียงแต่เป็นสัปดาห์ที่คึกคักที่สุดสําหรับรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สาม โดยมีบริษัทกว่า 150 แห่ง S&P 500 ที่จะประกาศผลประกอบการ แต่ยังนําไปสู่การเผยแพร่รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ารายงานจะบ่งชี้ถึงการสร้างงาน 140,000 ตําแหน่งในเดือนตุลาคม Nanette Abuhoff Jacobson นักกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกของ Hartford Funds เน้นย้ําถึงความสําคัญของข้อมูลค่าจ้าง โดยตั้งข้อสังเกตว่าการเพิ่มขึ้นอาจส่งสัญญาณถึงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแตะระดับสูงสุดในรอบสามเดือนในสัปดาห์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของตลาดว่าเฟดจะผ่อนคลายน้อยลงและการใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นโดยประธานาธิบดีคนต่อไป ตลาดคาดการณ์เพิ่งแสดงให้เห็นถึงการเดิมพันที่เพิ่มขึ้นในชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถูกมองว่ามีแนวโน้มที่จะใช้นโยบาย รวมถึงภาษีศุลกากร ที่อาจนําไปสู่อัตราเงินเฟ้อ
ช่วงเวลาของเหตุการณ์ที่อ่อนไหวต่อตลาดจะขยายไปถึงสัปดาห์ถัดไป โดยการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน และการตัดสินใจนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งอาจเพิ่มความวิตกกังวลของนักลงทุน ดัชนีความผันผวนของ Cboe ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความผันผวนของตลาดอยู่ที่ประมาณ 19 เพิ่มขึ้นจากต่ํากว่า 15 เมื่อปลายเดือนที่แล้ว
นักวิเคราะห์ของ UBS Global Wealth Management ได้แนะนําให้นักลงทุนคาดหวังความผันผวนของตลาดที่สูงขึ้นเมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีใกล้เข้ามา โดยความเชื่อมั่นของตลาดมีแนวโน้มที่จะยังคงเปราะบางเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนใกล้เข้ามา
รอยเตอร์มีส่วนร่วมในบทความนี้
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน