ศาลอุทธรณ์ยังคงระงับการบรรเทาหนี้นักเรียนของไบเดน

ศาลอุทธรณ์ภาคที่ 8 ของสหรัฐฯ ในเซนต์หลุยส์ได้ตัดสินใจที่จะขยายคําสั่งห้ามที่ขัดขวางการบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากการเดินหน้าแผนการบรรเทาหนี้นักเรียน แผนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการชําระเงินรายเดือนสําหรับผู้กู้จํานวนมากและเร่งการให้อภัยเงินกู้สําหรับบุคคลบางคน คําตัดสินที่ออกเมื่อวันศุกร์สนับสนุนการปิดกั้นชั่วคราวก่อนหน้านี้ที่ศาลได้วางไว้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ตามคําขอของเจ็ดรัฐที่นําโดยพรรครีพับลิกัน

รัฐต่างๆ ได้แสวงหาการปิดกั้นที่ครอบคลุมมากกว่าที่ศาลล่างเคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่าแผนการบรรเทาหนี้ของกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ นั้นผิดกฎหมาย คําสั่งล่าสุดของศาลอุทธรณ์ไม่ส่งผลกระทบต่อเงินกู้ใด ๆ ที่ได้รับการยกโทษแล้ว เนื่องจากคณะกรรมการผู้พิพากษาสามคนซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีพรรครีพับลิกันตั้งข้อสังเกตว่ารัฐ "ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้"

แอนดรูว์ เบลีย์ อัยการสูงสุดของรัฐมิสซูรีเฉลิมฉลองคําตัดสินบนโซเชียลมีเดีย โดยเน้นย้ําว่าเป็นชัยชนะครั้งสําคัญสําหรับชาวอเมริกันที่ไม่ต้องแบกรับภาระหนี้ของผู้อื่น มิสซูรีในฐานะโจทก์หลักอยู่ในระดับแนวหน้าของความท้าทายทางกฎหมายต่อแผนของรัฐบาลไบเดน

การดําเนินคดีมุ่งเน้นไปที่การอ้างสิทธิ์ของรัฐที่นําโดยพรรครีพับลิกันว่ากระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ ได้ก้าวล่วงขอบเขตทางกฎหมายโดยดําเนินการตามแผนการบรรเทาหนี้ของนักเรียน แผนดังกล่าวนําเสนอเงื่อนไขที่ผ่อนปรนมากกว่าแผนการชําระคืนที่ขับเคลื่อนด้วยรายได้ก่อนหน้านี้ เช่น การลดการชําระเงินรายเดือนสําหรับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และอนุญาตให้ปลดหนี้หลังจาก 10 ปีสําหรับผู้ที่มียอดเงินต้นเดิม 12,000 ดอลลาร์หรือน้อยกว่า

รัฐบาลไบเดนได้โต้แย้งคําร้องของรัฐสําหรับคําสั่งห้าม โดยระบุว่าจะส่งผลให้มีการชําระเงินรายเดือนเพิ่มขึ้นสําหรับหลายล้านคนและหยุดการให้อภัยใดๆ แม้จะอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ไม่ได้โต้แย้งในระดับศาลพิจารณาคดี

ก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาเขตของสหรัฐฯ John Ross ในเซนต์หลุยส์ได้หยุดฝ่ายบริหารไม่ให้ยกโทษเงินกู้ขนาดเล็กต่อไปในเวลาเพียง 10 ปี ซึ่งแตกต่างจากไทม์ไลน์ 20 หรือ 25 ปีที่กําหนดโดยกฎก่อนหน้านี้ โครงการมูลค่า 430 พันล้านดอลลาร์ที่กว้างขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกเลิกหนี้สินสูงถึง 20,000 ดอลลาร์สําหรับชาวอเมริกันมากถึง 43 ล้านคน ถูกปิดกั้นโดยศาลฎีกาของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2023

แม้จะมีความท้าทายทางกฎหมาย แต่ทําเนียบขาวได้ระบุว่าแผน SAVE ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จะเป็นประโยชน์ต่อผู้กู้มากกว่า 20 ล้านคน จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ มีการลงทะเบียนแล้ว 8 ล้านคน โดย 4.5 ล้านคนได้รับการจ่ายเงินรายเดือนลดลงเหลือศูนย์ ณ วันพฤหัสบดี กรมได้จ่ายเงินบรรเทาทุกข์ 5.5 พันล้านดอลลาร์ให้กับผู้กู้ 414,000 รายภายใต้แผน SAVE

ฝ่ายบริหารประเมินว่าแผนดังกล่าวจะทําให้ผู้เสียภาษีเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 156 พันล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษ อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดของรัฐพรรครีพับลิกันโต้แย้งว่าค่าใช้จ่ายที่แท้จริงอาจอยู่ที่ประมาณ 475 พันล้านดอลลาร์

ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางอีกคนในแคนซัสได้ปิดกั้นบางส่วนของแผน SAVE และในขณะที่ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางอีกแห่งหนึ่งคือศาลอุทธรณ์ภาคที่ 10 ของสหรัฐฯ ในเดนเวอร์ระงับการตัดสินส่วนหนึ่งของรัฐที่นําโดยพรรครีพับลิกันได้ยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาของสหรัฐฯ เพื่อคืนคําสั่งห้าม

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน