Investing.com - ห้าสิ่งที่คุณควรทราบเพื่อเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
1. การประชุม G20
ทรัมป์ได้ประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเขาจะ "มีการประชุมเพิ่มเติม" กับนายสี เคียงคู่ไปกับการประชุม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยการประชุมเป็นระยะเวลาสองวันจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันศุกร์นี้
การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มเกิดความสั่นคลอนในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ภายหลังทรัมป์กล่าวโทษจีนว่าเป็นฝ่ายล่าถอยจากข้อตกลงต่าง ๆ ที่เคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดการเทขายหุ้นยกใหญ่
จากนั้นทรัมป์ก็ได้เรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังข่มขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มต่อสินค้าอีกจำนวนหนึ่งมูลค่า 3.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ อีก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง Goldman Sachs เชื่อว่าตลาดหุ้นอาจดิ่งลงไปได้มากถึง 4% เลยทีเดียว
การดำเนินการเจรจาทางการค้าต่ออาจมีน้ำหนักมากพอที่จะกระตุ้นตลาดซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ทางการค้าได้ แต่หากผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจก็อาจส่งผลให้ตลาดดิ่งลงทันทีได้อีกเช่นกัน
2. การให้คำกล่าวจากเฟด
การให้คำกล่าวจากส.ส.ของเฟดจะเป็นที่น่าจับตา จากสัปดาห์ที่แล้วเฟดได้ส่งสัญญาณว่าอาจลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อชดเชยสภาพความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ซบเซา
ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ จะเข้าร่วมการหารือด้านภาพรวมทางเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินที่สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์คในวันอังคารนี้
ประธานเฟดประจำนครนิวยอร์ค นายจอห์น วิลเลียมส์ และประธานเฟดประจำเซนต์หลุยส์ นายเจมส์ บุลลาร์ด ต่างก็มีกำหนดการให้คำกล่าวในวันเดียวกันทั้งคู่ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนายบุลลาร์ดได้ลงคะแนนเสียงต่อต้านการตัดสินใจของเฟดที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25 เปอร์เซ็นต์ เขากลับลงคะแนนเสียงว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ดังเดิม
ความน่ากังวลใจประการหนึ่งคือการเจรจาระหว่าง ทรัมป์-สี จะถ่วงเวลาการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดหรือไม่
นายคริสโตเฟอร์จาก Wells Fargo ได้ให้ความเห็นไว้ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่ากำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ก็มีความแข็งแกร่งมากพอที่ "เฟดจะอดทนรอต่อไปได้อีกสักพัก" เพื่อสังเกตทิศทางของการเจรจาทางการค้าเสียก่อน
3. ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
จะมีการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายประการในสัปดาห์นี้ รวมถึง ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ในวันพุธนี้ และตัวเลขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย
ผู้ลงทุนจะได้ทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสภาพตลาดอสังหาฯ สหรัฐฯ จากรายงาน ยอดรอขายบ้าน, ยอดขายบ้านมือหนึ่ง และ ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย
นอกจากนี้ ในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานตัวเลขสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งมีการคาดการณ์อย่างเป็นเอกฉันท์แล้วว่าตัวเลขน่าจะออกมาเท่าเดิมที่ 3.1%
4. อัตราเงินเฟ้อฝั่งยูโรโซน
ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ ของฝั่งยูโรโซนในวันศุกร์นี้จะบ่งชี้ว่าประธานธนาคารกลางยุโรป นายมาริโอ ดรากี ทำถูกต้องแล้วหรือไม่ที่ออกมาส่งสัญญาณเตือนว่าจะมีการปรับนโยบายให้ผ่อนคลายลงอีก นอกเสียจากราคาสินค้าต่าง ๆ จะทะยานขึ้นไวกว่าที่คาดการณ์ไว้
นับตั้งแต่ปี 2013 อัตราเงินเฟ้อยุโรปอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรปที่ 2% มาโดยตลอด เมื่อเดือนพฤษภาคมอัตราเงินเฟ้อก็ออกมาเพียง 1.2% เห็นได้ชัดว่าธนาคารกลางยุโรปยังกังวล แต่ก็เป็นความลังเลใจที่เกิดขึ้นท่ามกลางคณะส.ส.ของทุกประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และญี่ปุ่นก็ด้วย
ทว่านักเศรษฐศาสตร์หลายท่านชี้ว่า "ปัจจัยชี้วัดทางเศรษฐกิจที่แท้จริง" อย่างเช่นอัตราค่าจ้างแรงงาน กลับแสดงภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ได้แย่อย่างที่คิด จึงทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าปฏิกิริยาของนายดรากีนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่
5. การรายงานผลประกอบการที่น่าจับตา
บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ FedEx (NYSE:FDX) จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ภายหลังเวลาตลาดปิดในวันอังคารนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าธุรกิจของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังคงยืดเยื้อต่อไปและชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
ในวันพฤหัสบดีนี้ Walgreens Boots Alliance (NASDAQ:WBA) จะรายงานผลประกอบการก่อนเวลาเปิดตลาด ส่วนทางด้านบริษัทผู้ผลิตเครื่องแต่งกายกีฬา Nike (NYSE:NKE) ก็จะรายงานผลประกอบการภายหลังเวลาตลาดปิดด้วย
บริษัท Constellation Brands (NYSE:STZ) โรงบ่มเบียร์ยี่ห้อดัง Corona ก็จะรายงานผลประกอบการในวันศุกร์ก่อนเวลาเปิดตลาดเช่นกัน
--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์