ดูเหมือนว่าราคา Bitcoin จะมีโอกาสพุ่งแตะระดับ 20,000 ดอลลาร์เพิ่มมากขึ้นแล้ว เนื่องจากแรงกดดันในการขายของเงินดอลลาร์กำลังเร่งตัวเพิ่มสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีค่าเงินดอลลาร์ได้ปรับตัวร่วงลดลงอีก 0.21% แตะระดับ 90.22 ซึ่งถือว่าเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 สิ่งนี้ได้กระตุ้นให้ธนาคารเพื่อการลงทุนระหว่างประเทศ Morgan Stanley ออกมาทำนายว่า ค่าเงินดอลลาร์อาจเตรียมร่วงลงอย่างรุนแรงในอนาคตอันใกล้นี้ โดยนาย Mark Wilson หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนและหัวหน้านักวิเคราะห์หุ้นในสหรัฐฯ ของ Morgan Stanley ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า เขาคาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอีก 10 เปอร์เซ็นต์ภายในอีก 12 เดือนข้างหน้า Wilson ตั้งข้อสังเกตว่าธนาคารกลาง และรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และสิ่งนี้อาจส่งผลให้เกิด “การขาดดุลเชิงโครงสร้าง” ในไม่ช้า ในขณะเดียวกันนาย Julio Calegari ผู้จัดการพอร์ตของธนาคารและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราในแถบเอเชียกล่าวว่า การเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจีน หลังแพร่การระบาดของเชื้อไวรัสนั้นเป็นตัวลดบทบาทค่าเงินดอลลาร์ให้มีความสนใจน้อยลง BITCOIN ภายหลังจากคำคาดการณ์ของ Wilson ได้แพร่สะพัดออกไป ดูเหมือนว่าราคา Bitcoin นั้นจะเพิ่มขึ้นมาอย่างน่าประทับใจกว่า 5.61% ในวันนี้ ทั้ง Bitcoin และ DXY แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบผกผันในปีนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ตลาดโลกร่วงลดลงในช่วงกลางเดือนมีนาคม ในเดือนนั้นราคา Bitcoin ก็ร่วงลงเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ในเวลาเพียงสองวัน ในทางกลับกันค่าเงินดอลลาร์กลับแข็งค่าขึ้นและเพิ่มขึ้นราว ๆ 8% ในช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตามการแทรกแซงครั้งใหญ่ของธนาคารกลางและรัฐบาลสหรัฐ โดยการใช้มาตรผ่อนคลายเชิงปริมาณ เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ผ่านการซื้อพันธบัตรแบบไม่จำกัดนั้นเป็นผลทำให้ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงในเวลาต่อมาและเป็นผลให้ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นในทิศทางที่ตรงกันข้าม ราคา Bitcoin อาจพุ่งแตะระดับ 20,000 ดอลลาร์เร็ว ๆ นี ในปีหน้านี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะต้องประสบกับตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันการประกาสศร่างกฎหมายของพรรคสองฝ่ายได้เสนอให้รัฐบาลอัดฉีดเงินเงินสภาพคล่องประมาณ 908 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดดุล และเมื่อไม่นานมานี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ยืนยันแล้วว่าจะรักษาจังหวะการซื้อพันธบัตรให้คงที่ ท่ามกลางสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง ในขณะเดียวกันนักลงทุนได้คาดการณ์ว่าตอนนี้ธนาคารจะเริ่มซื้อธนบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐที่มีอายุยาวนานมากขึ้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของธนบัตรระยะสั้นนั้นใกล้จะลดลงเหลือศูนย์แล้ว จากที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นสรุปได้ว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นอาจผลักดันให้ Bitcoin
กดอ่านข่าว ธนาคารระดับโลก Morgan Stanley เผยราคา Bitcoin อาจพุ่งทะลุ 20,000 ดอลลาร์ หากค่าเงินดอลลาร์ร่วง ต่อที่ Siam Blockchain