ออสเตรเลียให้คํามั่นสัญญาหลายพันล้านดอลลาร์ในการขยายอู่ต่อเรือย่อยนิวเคลียร์

ออสเตรเลียเป็นประเทศพัฒนาที่สําคัญสําหรับขีดความสามารถด้านกลาโหม ออสเตรเลียได้ประกาศแผนการลงทุนอย่างกว้างขวางเพื่อขยายอู่ต่อเรือเฮนเดอร์สันในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

อู่ต่อเรือแห่งนี้ถูกกําหนดให้เป็นศูนย์กลางการบํารุงรักษาสําหรับกองเรือดําน้ําพลังงานนิวเคลียร์ที่กําลังจะมาถึงของประเทศภายใต้พันธมิตร AUKUS การอัดฉีดเงินทุนเบื้องต้นจะอยู่ที่ 127 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (85 ล้านดอลลาร์) ในช่วงหลายปีของออสเตรเลีย โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับสิ่งอํานวยความสะดวกที่มีอยู่

การขยายโรงงานไม่ได้จํากัดอยู่แค่เรือดําน้ําเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังจะรับผิดชอบในการสร้างเรือยกพลขึ้นบกใหม่ในกองทัพบกออสเตรเลียและเรือฟริเกตเอนกประสงค์สําหรับกองทัพเรือ จากข้อมูลของ Marles ความคิดริเริ่มนี้คาดว่าจะขับเคลื่อนนักลงทุนด้านกลาโหมหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในออสเตรเลียในอีกสองทศวรรษข้างหน้า และสร้างงานในท้องถิ่นของออสเตรเลีย 10,000 ตําแหน่ง

สนธิสัญญากลาโหม AUKUS ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ลงนามในปี 2021 ระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นรากฐานที่สําคัญของการขยายตัวนี้ ภายใต้ข้อตกลงนี้ ออสเตรเลียจะซื้อนาวิกโยธินนิวเคลียร์ออสเตรเลียสูงสุดห้าลําจากสหรัฐฯ ในช่วงต้นทศวรรษ 2030 ต่อจากนั้นออสเตรเลียจะร่วมมือกับสหราชอาณาจักรเพื่อร่วมกันสร้างและใช้งานเรือดําน้ําชั้นใหม่ที่เรียกว่า SSN-AUKUS ประมาณทศวรรษต่อมา

ความเคลื่อนไหวนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทศวรรษ 1950 ที่วอชิงตันตกลงที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีการขับเคลื่อนนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ก่อนหน้านี้ขยายไปถึงสหราชอาณาจักรเท่านั้น แม้ว่าเรือดําน้ําจะใช้พลังงานนิวเคลียร์ แต่ก็จะไม่ติดอาวุธนิวเคลียร์

ข้อตกลงโดยรวมคาดว่าจะทําให้ออสเตรเลียเสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 368 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (245.8 พันล้านดอลลาร์) ภายในปี 2055 ตามการประมาณการของรัฐบาล อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาที่ประกาศอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 1.4975 ดอลลาร์ออสเตรเลีย

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน