โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันอังคารที่ 21 เมษายนมีดังต่อไปนี้
1. ข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับตลาดน้ำมัน
ข่าวดีก็คือราคาน้ำมันไม่ได้ติดลบอีกต่อไปสำหรับสัญญาส่งมอบเดือนพฤษภาคมซึ่งจะหมดอายุในช่วงครึ่งหลังของวันนี้
แต่ข่าวร้ายก็คือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับการส่งมอบเดือนมิถุนายนซึ่งมีจำนวนสัญญาและปริมาณการซื้อขายมากที่สุดกลับทรุดตัวลง 17.5% เท่ากับ $16.86 ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 5:50 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (0950 GMT) สูงขึ้นมาจากระดับต่ำสุดที่ลงไปถึง $11.89 ส่วนสัญญาเบรนท์สำหรับการส่งมอบเดือนมิถุนายนก็ติดลบ 14.6% เท่ากับ $21.89 ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) จะรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์ที่แล้วในวันนี้เวลา 16:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (2030 GMT) แต่เมื่อพิจารณาสภาพเหตุการณ์ภายหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ถ้าตัวเลขอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ออกมาสูงขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลตามคาดก็นับว่าน่าโล่งอกแล้วสำหรับผู้ลงทุนบางท่าน
2. สภาพของคิมไม่สู้ดีนัก
เงินวอนเกาหลีใต้อ่อนค่าลง หลังจากสำนักข่าว CNN รายงานว่าผู้นำเกาหลีเหนือ นายคิม จอง อึน ล้มป่วยอย่างหนักหลังจากเข้าผ่าตัดหัวใจเมื่อช่วงต้นเดือน
ทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจกับสุขภาพของคิมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะคิมไม่ได้เข้าร่วมการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของนาย คิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองเกาหลีเหนือมานับตั้งแต่ยุค 1950
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสูงสุดถึง 1.8% เมื่อเทียบกับค่าเงินวอนในระยะเวลาสองสัปดาห์
3. ตลาดพลังงานกดดันตลาดโลก, ตลาดสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนลบ
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมปรับตัวลงไปอีก หลังจากความผันผวนของราคาน้ำมันได้บ่งชี้ให้เห็นถึงทิศทางของเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 6:40 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1040 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าปรับตัวลง 357 จุดหรือ 1.5% เท่ากับ 23,151 จุด ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าปรับลง 1.1% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าขยับลง 0.6%
ตลาดหุ้นยุโรปก็เคลื่อนไหวในแดนลบเช่นกัน หรือแม้แต่ตลาดหุ้นเอเชียก็ยังได้รับแรงกดดันจากตลาดพลังงานด้วย
ดัชนีความเชื่อมั่นจาก ZEW ของเยอรมนีที่ออกมาสูงขึ้นเป็น 28.2 จาก -49.5 ในเดือนมีนาคมกลับไม่ทำให้ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเท่าไรนัก โดยดัชนี Stoxx 600 ติดลบ 2.0% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ขยับลง 1.9%
4. IBM กลับสู่จุดเริ่มต้น แต่ Netflix (NASDAQ:NFLX) อาจทำผลงานได้ดีกว่า
IBM กลับคืนสู่ทิศทางเดิมของบริษัท เนื่องจากรายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาลดลงอีกครั้งและดับความหวังว่าบริษัทจะพลิกสถานการณ์ได้ หลังจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2019 บริษัทได้มียอดขายที่สูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
รายได้ของบริษัททรุดตัวลง 3.4% ส่วนกำไรต่อหุ้นลดลง 18% ทำให้บริษัทตัดสินใจเพิกถอนตัวเลขคาดการณ์ผลการดำเนินงานของปีนี้ในการรายงานผลประกอบการหลังเวลาตลาดปิดเมื่อวานนี้
Equifax เองก็ดำเนินรอยตาม IBM ด้วยการเพิกถอนผลคาดการณ์การดำเนินงาน ทว่าหุ้นของบริษัทยังคงปรับตัวขึ้นหลังเวลาตลาดปิดหลังจากผลประกอบการในไตรมาสแรกของบริษัทออกมาดีเกินคาด
ทั้งนี้ Netflix จะเป็นบริษัทที่ทั่วโลกรอจับตาผลประกอบการในวันนี้ แต่ผลประกอบการจะออกมาในเวลาหลังตลาดปิดเช่นเดียวกับ Texas Instruments และ Chipotle Mexican Grill
5. ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในฝั่งยูโรโซน
ส่วนต่างผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลฝั่งยูโรโซนขยายตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจาก Goldman Sachs เตือนว่าอิตาลีอาจถูกปรับลดการจัดอันดับสู่ระดับที่ย่ำแย่ที่สุดหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก EU ในการฟื้นเศรษฐกิจหลังจากวิกฤตโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ความหวาดหวั่นต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่และการขาดความร่วมมือจากส่วนกลางของ EU ในการเข้าเยียวยาได้ทำให้ส่วนต่างผลตอบแทนของตราสารหนี้ขยายตัวขึ้นมากที่สุดในรอบหนึ่งเดือนกว่า โดยคำกล่าวของผู้นำเยอรมนี อังแกลา แมร์เกิล ที่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ EU จะเพิ่มงบประมาณในอนาคตกลับไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อประเด็นดังกล่าว
ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีและเยอรมนีแบบอายุ 10 ปีได้ขยายตัวขึ้นถึง 248 จุด ส่วนพันธบัตรของกรีซขยายตัวขึ้น 264 จุดและพันธบัตรโปรตุเกสขยายตัวขึ้น 153 จุด โดยค่าเงินยูโรได้อ่อนค่าลง 0.3% สู่ระดับ $1.0833