โดย Ambar Warrick
Investing.com – บิทคอยน์ ร่วงลงต่ำกว่า 19,000 ดอลลาร์ในวันพุธ ซึ่งใกล้จะถึงระดับต่ำสุดในรอบปีแล้ว เนื่องจากความกลัวว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) จะเข้มงวดมากขึ้นนั้นได้ทำให้นักลงทุนออกจากตลาดสกุลเงินดิจิตอล
โดยสกุลเงินดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดในโลกทรุดตัวลงมากกว่า 5% เป็น 18,764 ดอลลาร์เมื่อเวลา 01:56 น. ET (05:57 GMT) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบสามเดือน ขณะนี้เหรียญโทเค็นซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 1,000 ดอลลาร์เหนือระดับต่ำสุดในรอบปี
การร่วงลงของบิทคอยน์ได้แพร่กระจายไปยังตลาดสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ ในวงกว้าง โดยมูลค่าตลาดรวมของตลาดสกุลเงินดิจิตอลลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้ง ตลาดสูญเสียเงินไปเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ตลาดคริปโตส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลงกันมากมาย
การขาดทุนล่าสุดของบิทคอยน์มาจากข้อมูล การจ้างงานนนอกภาคการเกษตร ที่แข็งแกร่งของสหรัฐอเมริกา และ ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ได้บ่งชี้ถึงความยืดหยุ่นในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ยังทำให้เฟดมีโอกาสมากขึ้นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลจาก CME Group (NASDAQ:CME) แสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์กำลังเชื่อว่ามี โอกาสมากกว่า 70% ของการปรับขึ้น 75 จุดพื้นฐานโดยเฟดในปลายเดือนนี้
บิทคอยน์และตลาดคริปโตเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดเริ่มกระชับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในยุคโควิดถึง 2 ปี
การเงินที่หละหลวมและสภาพคล่องสูงเป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่เบื้องหลังการไต่ขึ้นของคริปโตในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ นักลงทุนจึงเกิดความลังเลที่จะลงทุนในตลาดความเสี่ยงสูงนี้
ความเชื่อมั่นต่อตลาดคริปโตยังล้มเหลวไม่เป็นท่าในปีนี้จากการล้มละลายของกองทุนป้องกันความเสี่นงอย่าง Three Arrows Capital และ Celsius
การร่วงลงของบิทคอยน์เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ลดความสามารถในการทำกำไรของการขุดเหรียญโทเค็นลงอย่างมาก ซึ่งทำให้นักขุดหลายรายต้องเทขายเหรียญที่ขุดได้เพื่อป้องกันการเสียกำไร แต่กลับทำให้มูลค่าของเหรียญลดลง