จากรายงานฉบับใหม่ของ Deutsche Bank และนักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศสอย่าง Marion Laboure เผยว่า เราไม่สามารถเพิกเฉยต่อ Bitcoin ได้อีกต่อไป หลังจากที่มูลค่าตลาดของมันเพิ่มขึ้นมาสู่ 1 ล้านล้านดอลลาร์: มูลค่าตลาดหนึ่งล้านล้านดอลลาห์ของ Bitcoin และราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญเกินกว่าที่จะเพิกเฉยได้ ธนาคารกลางและรัฐบาลเข้าใจว่า Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ จะยังคงอยู่ต่อไป ดังนั้นรัฐบาลคาดว่าจะเริ่มควบคุมสิ่งเหล่านี้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า เธอชี้ให้เห็นว่า มูลค่าตลาดที่มหาศาลของ Bitcoin เป็นไปตาม Tinkerbell Effect ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ใช้คำนี้ โดยตั้งชื่อตามนางฟ้าจากการ์ตูนเรื่องปีเตอร์แพน ต่อมาคำนี้ถูกใช้โดยนักเศรษฐศาสตร์ เพื่ออธิบายพลังแห่งความเชื่อบางสิ่งมีค่า เพียงเพราะผู้คนเชื่อว่าสิ่งนี้มีค่า เหมือนกับการที่เด็ก ๆ เชื่อในซานตาคลอส ปัญหาสภาพคล่องของ Bitcoin Laboure คาดว่า Bitcoin จะยังคง“ ผันผวนมาก” เนื่องจากมีสภาพคล่องต่ำ ปริมาณการซื้อขายต่อวันของสกุลเงินดิจิทัลนั้นลดลงเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสินค้าอื่น ๆ รวมถึงเงินและน้ำมัน และปริมาณการซื้อขาย Bitcoin ต่อวันนับเป็นเพียง 1.9 เปอร์เซ็นต์ของทองคำ ปัจจุบันเหรียญคริปโตชั้นนำ เป็นสกุลเงินที่ใหญ่เป็นอันดับสามตามปริมาณการหมุนเวียน (ตามหลังเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ และยูโร) ตอนนี้ Bitcoin คิดเป็นมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของเงินดอลลาร์ อันเนื่องมาจากการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามสภาพคล่องของ Bitcoin อยู่ในระดับเดียวกับค่าเงินบาทไทยเท่านั้น โดยปริมาณธุรกรรมรายวันของสกุลเงินดิจิทัลเป็นเพียง 0.009 เปอร์เซ็นต์ของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โอกาสเจอคู่แข่งอีกมากมาย จากการสำรวจของ Deutsche Bank พบว่า คนรุ่นต่อไปมั่นใจว่า Bitcoin จะยังคงอยู่ต่อไป นอกจากนี้ 30 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่นมิลเลนเนียลจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี จีน สหราชอาณาจักร และผู้นำระดับโลกอื่น ๆ เชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัลจะเข้ามาแทนที่เงินสดและบัตรเดบิตในที่สุด นอกจากนี้ Deutsche Bank ชี้ให้เห็นว่า Bitcoin อาจกลายเป็น “วิธีการชำระเงินที่สำคัญ” ในอนาคต แต่ก็ยังตั้งข้อสังเกตว่าอาจต้องเผชิญกับสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ ที่ออกโดยรัฐบาล และ คริปโตเคอร์เรนซี่แบบ
กดอ่านข่าว Deutsche Bank กล่าวว่า Bitcoin มีความสำคัญเกินกว่าจะเพิกเฉยได้ ต่อที่ Siam Blockchain