ในวันพุธที่ผ่านมาราคา Bitcoin ดูเหมือนว่าจะมีการปรับตัวลง เนื่องจากแรงกดดันจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น หลังพบว่ามีความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ราคา Bitcoin นั้นลดลงกว่า 3% ในช่วงเปิดตลาดเอเชีย ซึ่งร่วงแตะระดับต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 31,567 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC การร่วงลงของราคา Bitcoin นั้นเกิดขึ้น ท่ามกลางการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.07 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเปิดตลาดเอเชีย โดยพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 90.261 ก่อนที่จะร่วงลงมาเล็กน้อยทดสอบแนวรับค่าเฉลี่ย MA ราย 21 วัน เป็นที่ทราบกันดีว่า Bitcoinกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้นมีความสัมพันธ์กันแบบผกผัน โดยก่อนหน้านี้เราจะเห็นได้ว่าเมื่อค่าเงินดอลลาร์ร่วงลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคา Bitcoin มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน แต่ในทิศทางตรงกันข้าม เมื่อค่าเงินดอลลาร์เริ่มมีการฟื้นตัว ราคา Bitcoin ก็จะร่วงลดลงเสมอ อย่างไรก็ตามหลายคนเชื่อว่า Bitcoin จะสามารถแยกตัวออกจากความสัมพันธ์นี้ได้ในระยะยาว นักวิเคราะห์ด้านเทคนิคได้ตั้งข้อสังเกตว่า ค่าเงินดอลลาร์กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากการประชุมของ Federal Open Market Committee (FOMC) ในวันพุธนี้ ซึ่งหากคณะกรรมการธนาคารกลางของสหรัฐฯ ยังคงนิ่งเฉย สิ่งนี้อาจกระตุ้นให้ค่าเงินดอลลาร์ร่วงต่ำกว่าแนวรับ 21-DMA ผู้ก่อตั้ง Ecoinometrics กล่าวว่าการปรับฐานราคาในระยะสั้นของ Bitcoin จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่นโยบายของ Fed ยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวต่อไป โดยเขาได้คาดการณ์ว่านโยบายของ Fed มีแนวโน้มผลักดันให้ราคาสกุลเงินดิจิทัลนั้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงหนี้ของรัฐบาลกลาง, พันธบัตรที่ให้อัตราดอกเบี้ยติดลบและอื่น ๆ “การคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อยื้ออัตราเงินเฟ้อของ CPI หมายความว่าเราจะได้รับอัตราดอกเบี้ยจริงที่ติดลบชั่วคราว โดยที่ผ่านมาเงื่อนไขเหล่านี้ได้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตลาดทองคำ และเนื่องจาก Bitcoin ถูกมองว่าเป็นแหล่งเก็บรักษามูลค่าของนักลงทุนสถาบันมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นมันจึงอาจได้รับผลประโยชน์ในทำนองนี้เช่นกัน”
กดอ่านข่าว ราคา Bitcoin ร่วงสวนทางเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้น นักเทรดควรจับตาการประชุม Fed ที่จะถึงนี้ ต่อที่ Siam Blockchain