BeInCrypto - หลังจากปี 2022 ที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ บริษัทยักษ์ใหญ่มากมายต้องล้มละลายหรือปรับขนาดลงกันอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกอุตสาหกรรมย่อมเติบโตไปตามสภาพแวดล้อมของมัน การลงทุนใน คริปโต ปี 2023 จะเป็นอย่างไร? เหรียญอะไรที่น่าจับตามองอยู่บ้าง?
นักลงทุนมากมายเจ็บปวดในปี 2022 ทั้งจากการล่มสลายของ Terra หรือ UST ที่ปัจจุบันยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามีการทุจริต และในช่วงปลายปีแพลตฟอร์มกระดานแลกเปลี่ยนอันดับ 2 อย่าง FTX ก็ล่มสลายจากความไม่โปร่งใสภายใน ทำให้นักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันไม่สามารถถอนเงินของตนเองได้
แม้แต่ Genesis หนึ่งในบริษัทลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมยังต้องเผชิญกับผลกระทบดังกล่าว นอกจากนี้หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐอเมริกาเริ่มบังคับใช้อำนาจมากขึ้นและเพิ่งสั่งยุติการพิมพ์ BUSD ของ Paxos ซึ่งเป็น Stablecoin ของ Binance เมื่อไม่นานมานี้
เทรนด์คริปโตที่กำลังจะเกิดขึ้น
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมดังกล่าว ปี 2023 ตลาดคริปโตจะเติบโตต่อไปอย่างไร ยังคงมีโอกาสสำหรับนักลงทุนหรือไม่ เราจะพามาวิเคราะห์เทรนด์ที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้
- CBDC ของภาครัฐ
CBDC เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นโดยมีประเทศจีนเป็นผู้นำ โดยเฉพาะการพัฒนา e-CNY ซึ่งเริ่มมีการทดลองใช้ในช่วง Winter Olympics ปี 2022 และเปิดใช้งานใน 22 เมืองหลัก รวมถึงเริ่มมองหาประเทศพาร์ทเนอร์เพื่อเปิดการใช้งานระหว่างประเทศอย่างรัสเซียแล้ว ความพยายามนี้เกิดขึ้นเพื่อลดบทบาทของสกุลเงินดอลลาร์ลงในเศรษฐกิจมหภาค
นอกจากจีนแล้วประเทศอื่นๆ ก็กำลังพัฒนาเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่นที่กำลังพัฒนา CBDC ของตนเองโดยเลือกโมเดลของ Sweden มาเป็นต้นแบบ เราจึงคาดได้ว่า การพัฒนาและการใช้งาน CBDC จะเริ่มเติบโตมากขึ้นและมีเครือข่ายระหว่างประเทศที่ขยายใหญ่ขึ้นในปีนี้
- Stablecoin กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพราะกฎระเบียบ
คริปโตจำพวก Stablecoin อาจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลักจาก ก.ล.ต. ของสหรัฐอเมริกามองว่า BUSD ที่ออกโดย Paxos เป็น “สินทรัพย์” ทำให้ต้องปิดตัวลง แม้แต่ Changpeng Zhao (CZ) จาก Binance ยังกล่าวออกมาว่า พวกเขาจะพยายามเลือกใช้ stablecoin สกุลเงินหลักอื่นที่ไม่ใช้ US Dollar เช่น EURO เพราะกฎหมายเป็นมิตรมากกว่าทางสหรัฐ
อีกสิ่งหนึ่งคือ ความโปร่งใสที่มากขึ้นของผู้ประกอบการ เหล่าผู้ออกเหรียญ Stablecoin ถูกกดดันอย่างมากหลังจากการล่มสลายของ UST และ FTX ในปี 2022 ทั้งนี้ในเบื้องต้นมีความพยายามทำ Proof-of-Reserve เพื่อให้นักลงทุนมองเห็นสินทรัพย์ค้ำประกันของแพลตฟอร์มและเหรียญเหล่านี้ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากจะพูดถึงประเภทของ Stablecoin ที่จะเป็นที่นิยม นั่นคือ รูปแบบ Fully Collateralized หรือ การค้ำด้วยสินทรัพย์ 100%
- การเติบโตของ Blockchain ประเภทต่างๆ
แม้ตลาดจะไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ความสนใจและการใช้งานใน Blockchain โดยธุรกิจต่างๆ ยังคงมากขึ้นและมีแนวโน้มที่ดี ยกตัวอย่างเช่น Starbucks ที่ร่วมมือกับ Polygon เปิดตัวแอพ Odyssey เพื่อพัฒนาระบบสมาชิกและระบบรางวัลผ่าน NFT
เราคาดว่าการนำนวัตกรรมนี้มาร่วมใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจจะมีมากขึ้นในอนาคต โดยอาจเกิดขึ้น 3 รูปแบบ ประเภทแรกคือ การใช้งานผ่าน Public Blockchain อย่าง Polygon และ Layer 2 ของ Ethereum อื่นๆ โดย Dapps ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าที่มีอยู่เดิม ทำให้เห็นการผสานกันระหว่างธุรกิจดั้งเดิมกับเทคโนโลยีนี้มากขึ้น
อีกรูปแบบหนึ่งคือ Private Blockchain ที่ผู้ประกอบการสร้างผ่านกลุ่ม Blockchain as a service (BaaS) สำหรับการใช้งานในองค์กรเบื้องต้น เช่น IBM และ Amazon ที่ให้บริการนี้
รูปแบบสุดท้ายคือ หมวด Blockchain สำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศโดยสถาบัน ที่ถูกรับรองโดย SWITFT ISO 20022 เช่น Ripple (XRP), Quant (QNT) และ Algorand (ALGO) บล็อกเชนเหล่านี้อาจขยายการใช้งานระหว่างธนาคารหรือธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราได้มากขึ้น
- การยอมรับและการต่อสู้ของ Bitcoin ที่ร้อนแรง
ปัจจัยหนุน คือ สกุลเงินดอลลาร์ที่กำลังอ่อนแอลง เพราะมีสกุลเงินทางเลือกเกิดขึ้นมาท้าทายมากมาย เช่น e-CNY และอัตราเงินเฟ้อที่เติบโตอยู่ตลอดเวลาจากรูปแบบนโยบายของ FED ซึ่งทำ QE มาเป็นเวลานาน
สิ่งนี้จะทำให้การยอมรับ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่เป็นเอกภาพจากการแทรกแซงเชิงนโยบายได้รับการยอมรับมากขึ้น ควบคู่ไปกับการต่อสู้กับการเติบโตของ CBDC ที่เปรียบเสมือนคู่ตรงข้าม ทั้งสำหรับรายย่อยที่ต้องการเก็บออมระยะยาว และผู้ประกอบการรายใหญ่ เราอาจเห็นการเก็บออมผ่าน ETF ที่ได้รับความมากขึ้น
นอกจากนี้ การยอมรับโดยประเทศที่สภาพการเงินไม่มั่นคงเพราะถูกแทรกแซงค่าเงินต่างประเทศและต้องเผชิญกัยปัญหาเงินเฟ้อ อย่าง El Salvador, Argentina, และ Brazil โดยมี El Salvador เป็นต้นแบบหากพวกเขาเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศด้วย Bitcoin ได้สำเร็จ
ทิศทาง คริปโต ปี 2023
การบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกากำลังรุนแรงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2023 สิ่งนี้อาจทำให้กลุ่มธุรกิจย้ายออกจากสหรัฐไปสู่ภูมิภาคอื่น ที่ขอบเขตทางอำนาจเป็นมิตรมากกว่า
- ภูมิภาค Asia อาจกลายเป็นศูนย์กลาง
Hong Kong และ Singapore กำลังเป็นที่จับตามองของกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพราะมีกรอบกฎเกณฑ์ที่เป็นมิตรค่อนข้างมาก และกำลังจะเปิดให้รายย่อยสามารถซื้อขายคริปโตได้แล้ว หลังจากมีการกำหนดกฎเกณฑ์สำเร็จ ในขณะที่สหรัฐอเมริกาขาดความชัดเจนเชิงนโยบายและประเทศจีนที่เลือกแบนคริปโตเคอเรนซี่ทั้งหมด
นั่นหมายความว่า หากการย้ายออกจากจีนไปพึ่งพาสหรัฐอเมริกานั่นเป็นหนทางที่ยากลำบากต่อเหล่าผู้ประกอบการประเภท CEX มากเกินไป พวกเขาอาจย้ายพื้นที่มาที่ Hong Kong และ Singapore แทนในไม่ช้า
- ตลาดคริปโตที่อาจถึงจุดต่ำสุดไปแล้ว
สิ่งที่ต้องติดตามคือ ทิศทางของอัตราเงินเฟ้อและนโยบายของ FED และธนาคารกลางว่า แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยจะหยุดเมื่อไหร่ แม้ว่าในช่วงต้นปี อัตราเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มลดลงติดต่อกันตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2022 จาก 9.1% จนปัจจุบันในเดือน กุมภาพันธ์ 2023 อยู่ที่ 6.4%
ทว่าเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าที่ 2-3% อยู่มาก ส่วนอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 4.75% และมีเป้าหมายเบื้องต้นที่ 5% และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เพื่อดูแนวโน้มเงินเฟ้อ
จากแนวโน้มที่ลดลงของอัตราเงินเฟ้อที่ 9.1% มีความเป็นไปได้ว่า ราคาของ Bitcoin อาจทำจุดต่ำสุดเป็นที่เรียบร้อย เพราะราคาของ Bitcoin ในปัจจุบันมักเคลื่อนไหวคล้ายกับหุ้นเทคโนโลยีที่มีความผันผวนสูงและหุ้นเหล่านั้นมักเคลื่อนไหวผกผันกับอัตราเงินเฟ้อที่แสดงถึงสภาพคล่องของธุรกิจ
เหรียญที่น่าสนใจ
อ้างอิงจากผลสำรวจล่าสุดบน Coinmarketcap ที่ทำแบบสำรวจให้ผู้ใช้งานโหวตและแสดงความเห็นว่า ผู้ใช้งานชื่นชอบและเชื่อมั่นในเหรียญใด สิ่งนี้อาจแสดงให้เห็นถึงความสนใจโดยรวมถึง sector ต่างๆ ที่เหรียญเหล่านี้ถูกเลือกเป็นตัวแทนได้เช่นกัน
- อันดับ 1: Bitcoin
Bitcoin ถูกมองเป็นตัวแทนที่กำหนดทิศทางของตลาดคริปโตทั้งหมด เพราะมันคือสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในอุตสาหกรรม เพราะมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่าครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมทั้งหมด นอกจากนี้ รูปแบบการถือครองสินทรัพย์ค่อนข้างถือในระยะยาว ส่วนหนึ่งอาจเพราะต้องการรอการ Halving ที่จะทำให้อุปทานของ Bitcoin น้อยลง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2024
- อันดับ 2: Ethereum
Ethereum กำลังเป็นที่จับตามองโดยนักลงทุนมากมาย สำหรับการใช้งานที่มากขึ้นของ Smart Contract และ Dapps ที่จะได้รับการประยุกต์เพื่อพัฒนาธุรกิจต่างๆ ผ่าน Blockchain ตัวโปรโตคอลยังเป็นรากฐานของกลุ่ม Layer 2 กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น Optimism, Arbitrum, และ Polygon
อีกปัจจัยหนึ่ง คือความคาดหวังต่อการอัพเกรดระบบของโปรโตคอลที่วางแผนไว้ ซึ่งอีกไม่นานจะมี Shanghai Hard Fork ที่ทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบ Proof-of-Stake สมบูรณ์ นักลงทุนที่นำ ETH ไป Stake ไว้จะสามารถไถ่ถอนสินทรัพย์ออกจากระบบ การอัพเกรดจะทำให้โปรโตคอลแข็งแกร่งขึ้นอีก และ Ethereum ปัจจุบันมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม
- อันดับ 3: Polygon
การพัฒนาและการปรับตัวอย่างรวดเร็วของ Polygon (MATIC) ทำให้โปรโตคอลเป็นตัวเลือกต้นๆ ของธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการเข้าสู่โลก Web3 ไม่ว่าจะเป็น Disney ที่ร่วมมือสร้าง Disney Accelerator หรือ Coca-Cola ที่เริ่มเปิดตัว NFT นำร่องมาบนโปรโตคอล รวมถึง Starbucks ที่ใช้ Polygon มาพัฒนาระบบรางวัล
ดังนั้นหากพูดถึงการใช้งาน Dapps ที่มากขึ้น Polygon เป็นหนึ่งในโปรโตคอลที่น่าจับตามากที่สุด นอกจากค่าธรรมเนียมที่ถูกและความปลอดภัยจากระบบ Consensus ของ Ethereum แล้ว โปรโตคอลยังมีเครื่องมือสนับสนุนและเงินทุนมากมายสำหรับเหล่านักพัฒนาอีกด้วย
- อันดับ 4: BNB
Binance และเหรียญ BNB บน Binance Smart Chain กำลังเผชิญกับการต่อสู้อย่างหนักกับหน่วยงานกำกับดูแล ทว่าพวกเขายังเป็นกระดานแลกเปลี่ยน CEX ที่เป็นอันดับ 1 ของโลก พร้อมบริการผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ ทั้ง spot, future, staking, option, P2P, และอื่นๆ อีกมากมาย
ล่าสุด Binance กลับไปลงทุนในประเทศญี่ปุ่นแล้ว และยังพยายามขยายตลาดและกิจการของตนเองไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก หากพวกเขาสามารถแก้ไขความขัดแย้งกับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐได้ พวกเขาอาจจะกลายเป็นแพลตฟอร์ม CEX ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแท้จริง
- อันดับ 5: Polkadot
Polkadot หรือ DOT เป็นหนึ่งในตัวแทนจากหมวด Interoperable Blockchain หรือการใช้งานผสานข้ามบล็อกเชนเพื่อการใช้งานที่สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น ต้นทุนต่ำลงผ่านเทคโนโลยีประมวลผลแบบคู่ขนาน Parallel Processing ผ่าน Sharded Blockchain การพัฒนาบน DOT เติบโตอย่างมากและแซงหน้า Ethereum ในช่วงนี้ โดยเฉพาะการพัฒนา Web3
ในบล็อกเชนประเภทนี้ จะมีการเชื่อมต่อบล็อกเชนต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยมี DOT เป็นจุดศูนย์กลางที่เรียกว่า Parachain เช่น Ethereum, Tezos, Bitcoin, Avalanche, และอื่นๆ ถึง 79 บล็อกเชนในปัจจุบัน