เนเธอร์แลนด์ และไมอามี่ – บริษัท NewAmsterdam Pharma NV (Nasdaq: NAMS) ซึ่งเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ในระยะคลินิก ประกาศผลลัพธ์ในเชิงบวกจากการทดลองทางคลินิก TANDEM ระยะที่ 3 สําหรับการผสมผสานระหว่าง obicetrapib และ ezetimibe ในปริมาณคงที่ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD) และคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ํา (LDL-C) ที่สูงขึ้น การทดลองนี้เป็นไปตามจุดสิ้นสุดหลักร่วม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างมีนัยสําคัญของระดับ LDL-C เมื่อเทียบกับยาหลอกและยาเดี่ยวแต่ละครั้ง
การศึกษาซึ่งครอบคลุมทั่วสหรัฐอเมริกา เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย 407 รายที่มีภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงในครอบครัวแบบเฮเทอโรไซกัส (HeFH) โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือด (ASCVD) หรือปัจจัยเสี่ยง ASCVD หลายตัว ผู้ป่วยเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงการควบคุม LDL-C ได้แม้จะทนการรักษาด้วยการลดไขมันได้สูงสุด หลังจากการรักษา 84 วัน การบําบัดแบบผสมผสานแสดงให้เห็นว่า LDL-C ลดลงเฉลี่ย LS 48.6% เมื่อเทียบกับยาหลอก โดยผู้ป่วยมากกว่า 70% มีระดับ LDL-C ต่ํากว่า 55 มก./เดซิลิตร ผลลัพธ์เหล่านี้มีนัยสําคัญทางสถิติโดยมีค่า p น้อยกว่า 0.001
โปรไฟล์ความปลอดภัยของการรักษาแบบผสมผสานเทียบได้กับยาหลอก โดยมีอุบัติการณ์ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นจากการรักษาและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงมีความคล้ายคลึงกันในทุกกลุ่มการศึกษา ข้อมูลนี้คาดว่าจะสนับสนุนการยื่นข้อบังคับทั่วโลกสําหรับการบําบัดแบบผสมผสาน
ดร. John Kastelein ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ NewAmsterdam กล่าวว่าผลลัพธ์ของการทดลองสามารถให้ทางเลือกในการรักษาใหม่ที่อาจปรับปรุงการดูแลผู้ป่วยสําหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก CVD Michael Davidson, MD ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NewAmsterdam แสดงความมั่นใจว่าผลลัพธ์จะช่วยในการยื่นตามกฎระเบียบและอาจเสนอการรักษาวันละครั้งที่สามารถลด LDL-C ได้อย่างมาก
ดร. Ashish Sarraju จาก Cleveland Clinic รับทราบถึงความสําคัญของการค้นพบเหล่านี้สําหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย LDL-C ด้วยการรักษาที่มีอยู่
NewAmsterdam วางแผนที่จะนําเสนอข้อมูลเพิ่มเติมจากการทดลอง TANDEM ในการประชุมทางการแพทย์ที่กําลังจะมาถึงและเผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารทางการแพทย์ที่สําคัญ บริษัทยังดําเนินการทดลองระยะที่ 3 เพิ่มเติม รวมถึง BROADWAY และ PREVAIL เพื่อประเมิน obicetrapib เพิ่มเติมว่าเป็นการบําบัดด้วยยาเดี่ยวและศักยภาพในการลดเหตุการณ์หัวใจและหลอดเลือดที่ไม่พึงประสงค์ที่สําคัญ
โครงการระยะที่ 3 ทั่วโลกของบริษัท ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยมากกว่า 12,250 ราย เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจในการพัฒนายารับประทานที่ไม่ใช่สแตตินสําหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเมตาบอลิซึมและการบําบัดในปัจจุบันไม่เพียงพอหรือทนไม่ได้ แถลงการณ์ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ทําหน้าที่เป็นพื้นฐานสําหรับข้อมูลที่รายงาน
ในข่าวล่าสุดอื่น ๆ NewAmsterdam Pharma Co NV ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก Piper Sandler และ TD Cowen ทั้งคู่ยังคงให้คะแนนในเชิงบวกตามผลการทดลองทางคลินิกที่มีแนวโน้มของบริษัท ผู้สมัครยาของ NewAmsterdam obicetrapib แสดงศักยภาพที่สําคัญในการลดระดับคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ํา สิ่งนี้เป็นหลักฐานจากผลลัพธ์ที่ประสบความสําเร็จของการทดลองทางคลินิก BROOKLYN ระยะที่ 3 ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยที่มีภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงในครอบครัวแบบเฮเทอโรไซกัส
ความคาดหวังกําลังสร้างขึ้นสําหรับการอ่านค่าการศึกษา BROADWAY และ TANDEM FDC ระยะที่ 3 ที่กําลังจะมาถึง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สี่ของปี 2024 ซึ่ง Piper Sandler คาดการณ์ว่าอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิถีของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทกําลังเตรียมการทดลอง HORIZON ระยะที่ 3 ของ pelacarsen ในปี 2025 ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุน obicetrapib เพิ่มเติมโดยการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างระดับ Lp(a) และผลลัพธ์ของเหตุการณ์หัวใจที่ไม่พึงประสงค์ที่สําคัญ
ในการพัฒนาอื่น ๆ NewAmsterdam Pharma ได้ประกาศงบการเงินใหม่สําหรับปีสิ้นสุดปี 2022 และ 2021 เนื่องจากข้อผิดพลาดที่ระบุในการคํานวณขาดทุนสุทธิต่อหุ้นสามัญ บริษัทยังได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ Mark C. McKenna และ Wouter Joustra เข้าสู่คณะกรรมการบริษัท นี่คือการพัฒนาล่าสุดสําหรับนิวอัมสเตอร์ดัม บริษัท 2>Inves Nasdaq o Insights
NewAmsterdam Pharma Company NV (Nasdaq: NAMS) ได้แสดงผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในการทดลองทางคลินิก TANDEM ระยะที่ 3 ซึ่งอาจนําไปสู่ความก้าวหน้าที่สําคัญในการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด การพัฒนาในเชิงบวกนี้สอดคล้องกับตัวชี้วัดทางการเงินที่สําคัญและข้อมูลเชิงลึกจาก InvestingPro
จากข้อมูลของ InvestingPro NAMS มีการเติบโตอย่างมาก โดยมีการเติบโตของรายได้ที่โดดเด่นที่ 78.77% ในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมา ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2024 วิถีการเติบโตนี้เน้นย้ําเพิ่มเติมด้วยการเติบโตของรายได้รายไตรมาสที่น่าประทับใจที่ 889.83% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าแนวทางที่เป็นนวัตกรรมของบริษัทในการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดกําลังแปลเป็นความสําเร็จทางการเงิน
เคล็ดลับของ InvestingPro เน้นย้ําว่า NAMS ถือเงินสดมากกว่าหนี้สินในงบดุล ซึ่งบ่งชี้ถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิกที่กําลังดําเนินอยู่และความพยายามในเชิงพาณิชย์ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ สินทรัพย์สภาพคล่องของบริษัทยังเกินภาระผูกพันระยะสั้น ซึ่งให้ความยืดหยุ่นทางการเงินเมื่อดําเนินไปตามไปป์ไลน์การพัฒนา
แม้จะมีตัวบ่งชี้เชิงบวกเหล่านี้ แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่านักวิเคราะห์ไม่คาดว่าบริษัทจะทํากําไรได้ในปีนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกสําหรับ บริษัท ชีวเภสัชภัณฑ์ในระยะคลินิกที่ลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนา สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในอัตรากําไรจากการดําเนินงานของบริษัทที่ -548.12% ในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมา
นักลงทุนดูเหมือนจะมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับศักยภาพของ NAMS ดังที่เห็นได้จากผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งของหุ้น ข้อมูลของ InvestingPro แสดงให้เห็นว่าราคาผลตอบแทนรวม 149.26% ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีผลตอบแทน 22.95% ในเดือนที่แล้วเพียงอย่างเดียว ผลการดําเนินงานนี้ชี้ให้เห็นว่าตลาดตอบสนองในเชิงบวกต่อความก้าวหน้าทางคลินิกของบริษัทและโอกาสทางการตลาดที่อาจเกิดขึ้น
สําหรับผู้ที่สนใจในการวิเคราะห์เชิงลึก InvestingPro ขอเสนอเคล็ดลับเพิ่มเติม 12 ข้อสําหรับ NAMS ซึ่งให้มุมมองที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและสถานะทางการตลาดของบริษัท
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน