แคมเดน นิวเจอร์ซีย์ - บริษัทแคมป์เบลล์ซุป (แนสแด็ก:CPB) ผู้ผลิตอาหารชั้นนําที่รู้จักกันดีในด้านแบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ ข้อตกลงดังกล่าวโอนความเป็นเจ้าของแบรนด์โยเกิร์ตไปยัง Lakeview Farms ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านน้ําจิ้มสด ของหวาน และผลิตภัณฑ์พิเศษ เงื่อนไขทางการเงินของข้อตกลงยังคงไม่เปิดเผย
การขายกิจการเกิดขึ้นหลังจากการเข้าซื้อกิจการของ Campbell ใน Sovos Brands, Inc. ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2024 ซึ่งรวมถึง noosa ไว้ในพอร์ตโฟลิโอ หลังจากการเข้าซื้อกิจการ Campbell's ประกาศความตั้งใจที่จะสํารวจตัวเลือกเชิงกลยุทธ์สําหรับ noosa โดยอ้างถึงหมวดหมู่โยเกิร์ตว่าไม่จําเป็นต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจหลัก
ในช่วงสิบสองเดือนที่สิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 นูซ่าสร้างยอดขายสุทธิ 177 ล้านดอลลาร์ Campbell's คาดการณ์ว่าการขายจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อผลลัพธ์ทางการเงินในปีงบประมาณ 2025 อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะมีผลลดทอนเล็กน้อยต่อกําไรต่อหุ้น โดยประมาณประมาณ 0.01 ดอลลาร์สําหรับปีงบประมาณ 2025
Mick Beekhuizen รองประธานบริหารและประธานของ Campbell's Meals & เครื่องดื่ม ให้ความเห็นเกี่ยวกับการขาย โดยแสดงความพึงพอใจกับการเปลี่ยนผ่าน noosa เป็น บริษัท ที่มีความสนใจเชิงกลยุทธ์ในหมวดหมู่ตู้เย็น เขาเน้นย้ําว่าการขายนี้สอดคล้องกับการมุ่งเน้นของแคมป์เบลล์ในพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ชั้นนํา
การสรุปการขายขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม ซึ่งรวมถึงการได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกํากับดูแล บริษัทคาดว่าธุรกรรมจะปิดในไตรมาสแรกของปีปฏิทิน 2025
ในการให้คําปรึกษาแก่ Campbell's ในการทําธุรกรรม Goldman Sachs ให้คําแนะนําทางการเงินในขณะที่ที่ปรึกษาทางกฎหมายเป็นบริษัทโดย Davis Polk & Wardwell LLP
Campbell Soup Company มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี ได้สร้างชื่อเสียงในด้านการส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มอันเป็นที่รัก บริษัทมียอดขายสุทธิ 9.6 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2024 จัดการแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากมายและจดทะเบียนทั้งใน S&P 500 และดัชนีหลายตัวที่ตระหนักถึงการดําเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม
ในข่าวล่าสุดอื่น ๆ บริษัท Campbell Soup ได้เห็นกิจกรรมที่วุ่นวาย ผลประกอบการไตรมาสที่สี่ของบริษัทสําหรับปีงบประมาณ 2024 เกินความคาดหมาย โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณที่ดีขึ้นในแผนกต่างๆ และการเติบโตของกําไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) และกําไรต่อหุ้น (EPS) เป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากการเข้าซื้อกิจการของ Sovos Brands นอกจากนี้ Campbell Soup ยังประสบความสําเร็จในการระดมทุนได้ 1.15 พันล้านดอลลาร์ผ่านการเสนอขายตั๋วเงินอาวุโสที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนทางการเงินเชิงกลยุทธ์
บริษัทวิเคราะห์หลายแห่งได้ปรับมุมมองเกี่ยวกับ Campbell Soup โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Bernstein SocGen Group ได้ปรับอันดับหุ้นจาก Market Perform เป็น Outperform ในขณะที่ DA Davidson ปรับลดอันดับหุ้นจาก ซื้อ เป็น ถือหุ้นไว้ Argus อัปเกรดหุ้นจาก Hold เป็น Buy โดยกําหนดเป้าหมายราคาใหม่ที่ $59 บริษัทอื่นๆ เช่น RBC Capital, TD Cowen และ Wells Fargo ปรับเป้าหมายราคาเป็น 51 ดอลลาร์ ในขณะที่ Stifel ถือหุ้นไว้เป้าหมายที่ 50 ดอลลาร์
Piper Sandler ยังคงให้คะแนนการคงสัดส่วนการลงทุนสําหรับหุ้น Campbell Soup แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการนัดหยุดงานที่อาจเกิดขึ้นโดยคนงานท่าเรือในสหรัฐฯ การสํารวจล่าสุดของบริษัทเน้นย้ําถึงความนิยมของแบรนด์ Campbell's Goldfish ในหมู่วัยรุ่น โดยถือเป็นของว่างยอดนิยมเป็นครั้งที่เจ็ดติดต่อกัน แม้จะมีการหยุดชะงักจากการนัดหยุดงานของคนงานท่าเรือ แต่ Campbell Soup ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมมาอย่างดี
เมื่อมองไปข้างหน้า Campbell Soup ให้คําแนะนําในแง่ดีสําหรับปีงบประมาณ 2025 การเติบโตของยอดขายสุทธิ EBITg ประมาณ 9% ถึง 11% การเติบโตของ EBIT ที่ปรับปรุงแล้ว 9% ถึง 11% และกําไรต่อบริษัทที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 4% การพัฒนาล่าสุดเหล่านี้เน้นย้ําถึงลักษณะแบบไดนามิกของการดําเนินงานของบริษัทและการวางแผนเชิงกลยุทธ์
ข้อมูลเชิงลึกของ InvestingPro
การขายโยเกิร์ต noosa ล่าสุดของ Campbell Soup Company สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นไปที่แบรนด์หลัก ดังที่สะท้อนให้เห็นในตัวชี้วัดทางการเงินและตําแหน่งทางการตลาดของบริษัท จากข้อมูลของ InvestingPro มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Campbell อยู่ที่ 13.18 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเน้นย้ําถึงการมีบทบาทสําคัญในอุตสาหกรรมอาหาร รายได้ของบริษัทในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมาสูงถึง 9,636 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเติบโตเล็กน้อย 2.98% เมื่อเทียบเป็นรายปี
เคล็ดลับของ InvestingPro เน้นย้ําว่า Campbell ได้จ่ายเงินปันผลเป็นเวลา 54 ปีติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งต่อผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการขายหุ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการสร้างกระแสเงินสดที่สม่ําเสมอแม้ว่าจะปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอก็ตาม อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปัจจุบันที่ 3.31% อาจดึงดูดนักลงทุนที่มุ่งเน้นรายได้
เคล็ดลับ InvestingPro อีกประการหนึ่งบ่งชี้ว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจะทํากําไรได้ในปีนี้ การคาดการณ์นี้รวมกับอัตราส่วน P/E ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทที่ 15.13 ชี้ให้เห็นว่าตลาดมองศักยภาพในการสร้างรายได้ของ Campbell ในเชิงบวก แม้ว่าจะพิจารณาถึงการเจือจางเล็กน้อยที่คาดไว้จากการขาย noosa ก็ตาม
InvestingPro อีก 11 ข้อสําหรับ Campbell Soup Company ซึ่งให้มุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับจุดแข็งของบริษัทและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมอาหารที่กําลังพัฒนา
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน