Piper Sandler อัปเกรดสต็อก Leggett & Platt เนื่องจากการพลิกพัดของผ้าปูที่นอนง่ายขึ้น

เมื่อวันพุธ Piper Sandler ได้ปรับจุดยืนของหุ้น Leggett & Platt (นิวยอร์ก:LEG) ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่หลากหลาย โดยเลื่อนอันดับหุ้นจาก ลดน้ำหนักการลงทุน เป็น ถือหุ้นไว้ บริษัทยังเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 13.00 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 11.00 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้

การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นใหม่ในศักยภาพในการสร้างรายได้ของบริษัทสําหรับปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากการประหยัดต้นทุนที่คาดการณ์ไว้และแนวโน้มที่ดีขึ้นสําหรับกลุ่มเครื่องนอน

นักวิเคราะห์จาก Piper Sandler ตั้งข้อสังเกตว่าแม้ผลการดําเนินงานล่าสุดจะต่ํากว่าที่คาดการณ์ไว้และการปรับแนวทางลดลง แต่ก็มีความคาดหวังว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2025 สิ่งนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างการลดต้นทุนและปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้นในแผนกเครื่องนอนของบริษัท

นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าหุ้นของ Leggett & Platt ลดลงอย่างมาก 63% ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2022 ซึ่งทําผลงานได้ต่ํากว่า S&P 500 ซึ่งเพิ่มขึ้น 48% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ความกังวลก่อนหน้านี้รวมถึงการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในภาคเครื่องนอนและแรงกดดันด้านมาร์จิ้นเนื่องจากการทําให้อัตรากําไรขั้นต้นของบริษัทเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าปัญหาเหล่านี้กําลังบรรเทาลง ในขณะเดียวกันความท้าทายใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นในกลุ่มยานยนต์และเฟอร์นิเจอร์

แม้จะมีปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ แต่ Leggett & Platt ได้ใช้มาตรการลดต้นทุนเป็นจํานวน 35 ล้านถึง 40 ล้านดอลลาร์สําหรับปี 2025 การประหยัดเหล่านี้คาดว่าจะมีส่วนช่วยในการเติบโตของ EBIT แบบปีต่อปีในปีหน้า

การปรับราคาเป้าหมายขึ้นอยู่กับสมมติฐานที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า โดยขยับจาก 9.5x เป็น 12x การแก้ไขนี้คํานึงถึงความคิดริเริ่มในการประหยัดต้นทุนของบริษัทและการขายธุรกิจการบินและอวกาศตามแผน ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะสนับสนุนการปรับปรุงทางการเงินของบริษัท

ในข่าวล่าสุดอื่น ๆ Leggett & Platt ประสบกับการตกต่ําของผลประกอบการไตรมาสที่สามซึ่งต่ํากว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ บริษัทรายงานกําไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วที่ 0.32 ดอลลาร์ ซึ่งต่ํากว่าฉันทามติของนักวิเคราะห์ที่ 0.33 ดอลลาร์ และรายได้ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

จากผลลัพธ์เหล่านี้ Leggett & Platt ได้แก้ไขคําแนะนําทั้งปี 2024 โดยคาดว่ากําไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วจะอยู่ที่ 1.00 ถึง 1.10 ดอลลาร์ และคาดการณ์รายได้ลดลงที่ 4.3-4.4 พันล้านดอลลาร์

การพัฒนาล่าสุดเหล่านี้เกิดจากความอ่อนแออย่างต่อเนื่องในตลาดที่อยู่อาศัยและความท้าทายในธุรกิจยานยนต์ บริษัทรายงานยอดขายออร์แกนิกลดลง 6% โดยมีการลดลงอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องนอน ผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง และเฟอร์นิเจอร์ พื้น และผลิตภัณฑ์สิ่งทอ Karl Glassman ประธานและซีอีโอคาดว่าอุปสงค์ที่อ่อนแอนี้จะดําเนินต่อไปในไตรมาสที่สี่

แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ แต่ Leggett & Platt ก็มีความคืบหน้าในการริเริ่มการปรับโครงสร้าง โดยชําระหนี้ 124 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สาม ขณะนี้ coEBITy คาดการณ์ว่าจะรับผลประโยชน์ EBIT ต่อปีที่ 50-60 ล้านดอลลาร์จากความคิดริเริ่มเหล่านี้ภายในปลายปี 2025

ข้อมูลเชิงลึกของ InvestingPro

ข้อมูลล่าสุดจาก InvestingPro ให้ความกระจ่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินของ Leggett & Platt โดยให้บริบทเกี่ยวกับแนวโน้มการอัปเกรดของ Piper Sandler แม้จะมีความท้าทายของบริษัทเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ InvestingPro Tips เน้นย้ําว่า LEG ได้จ่ายเงินปันผลเป็นเวลา 54 ปีติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นแม้ในช่วงเวลาที่ยากลําบาก นโยบายการจ่ายเงินปันผลที่มีมาอย่างยาวนานนี้สอดคล้องกับผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่สูงของบริษัท ซึ่งเป็นอีกสัญญาณเชิงบวกที่ InvestingPro ตั้งข้อสังเกต

อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดทางการเงินของบริษัทเผยให้เห็นการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 1.7 พันล้านดอลลาร์และอัตราส่วน P/E ติดลบที่ -3.41 ในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมา ความสามารถในการทํากําไรของ LEG อยู่ภายใต้แรงกดดัน สิ่งนี้เห็นได้จากรายได้ที่ลดลง 7.57% และ EBITDA ลดลง 27.18% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ในแง่ดีมากขึ้น InvestingPro Tips แนะนําว่ารายได้สุทธิคาดว่าจะเติบโตในปีนี้ และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจะกลับมาทํากําไรได้ สิ่งนี้สอดคล้องกับมุมมองของ Piper Sandler เกี่ยวกับการปรับปรุงรายได้ที่อาจเกิดขึ้นในปี 2025 นอกจากนี้ สินทรัพย์สภาพคล่องของ LEG ที่เกินภาระผูกพันระยะสั้นยังให้ความยืดหยุ่นทางการเงินในขณะที่บริษัทนําทางความพยายามในการพลิกฟื้น

สําหรับนักลงทุนที่ต้องการการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมมากขึ้น InvestingPro ขอเสนอเคล็ดลับเพิ่มเติม 5 ข้อสําหรับ Leggett & Platt เพื่อให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและสถานะทางการตลาดของบริษัท

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน