โดย Ambar Warrick
Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวลงอีกในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก โดยขณะนี้ตลาดพุ่งความสนใจไปที่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวกำหนดนโยบายการเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างรวดเร็วในสัปดาห์นี้ เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ ของสหรัฐฯ ขยายตัวถึง 3 เท่าตามที่คาดไว้ในสัปดาห์ก่อน ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะได้รับแรงหนุนจากการเบิกออกมาจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ประมาณ 3.5 ล้านบาร์เรล
ขณะนี้นักลงทุนไม่มั่นใจเกี่ยวกับการลดลงของ SPR ในอนาคต เนื่องจากจำนวนน้ำมันสำรองปัจจุบันอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี และการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเคลื่อนไหวนี้
แต่มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าที่คาดใน สินค้าคงคลังน้ำมันเบนซิน ทำให้เกิดความกังวลต่อความต้องการเชื้อเพลิงของสหรัฐฯ
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลงเล็กน้อยที่ 92.41 ดอลลาร์ในการซื้อขายช่วงต้นของเอเชีย ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.3% เป็น 85.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สัญญาทั้งสองซื้อขายลดลง 7.4% และ 6% ในสัปดาห์ตามลำดับ
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากประเทศจีนชี้ให้เห็นการเติบโตที่ซบเซาของผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ดัชนีดุลการค้า ของประเทศขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคม ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อ ของประเทศได้คลี่คลายลงเพิ่มเติมจากการหยุดชะงักอย่างต่อเนื่องเพราะการล็อกดาวน์
การแข็งค่าของสกุลเงิน ดอลลาร์ ที่ฟื้นตัวจากการขาดทุนล่าสุดในวันพุธ ก็ส่งผลกับราคาน้ำมันดิบเช่นกัน อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลลบมากที่สุดต่อราคาน้ำมันในปีนี้ เนื่องจากสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นราคาในดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ขณะนี้จุดสนใจอยู่ที่ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในช่วงบ่ายของวันนี้ โดยคาดว่าจะแสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านราคายังคงเพิ่มสูงขึ้นตลอดเดือนตุลาคม ค่าเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่สูงอาจดึงดูดมาตรการเข้มงวดทางการเงินจาก เฟด มากขึ้นซึ่งเป็นสถานการณ์เชิงลบต่อน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกเฟดหลายคนเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขนาดเล็กในเดือนธันวาคม ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และบรรเทาแรงกดดันตลาดน้ำมันดิบในระยะสั้น
ราคาน้ำมันคาดว่าจะสูงขึ้นในช่วงปลายปี เนื่องจากการลดอุปทานโดยองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันจะเริ่มส่งผลกระทบ กลุ่มพันธมิตรยังให้คำมั่นว่าจะหนุนราคาด้วยการลดอุปทานมากขึ้นหากจำเป็น
นอกจากนี้ คาดว่าการห้ามส่งออกน้ำมันของรัสเซียจากประเทศตะวันตกจะทำให้ตลาดน้ำมันดิบตึงตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อราคา