โดย Ambar Warrick
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันจันทร์หลังจากสัปดาห์ที่ผันผวน เนื่องจากเทรดเดอร์กำลังประเมินความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวและกรอบกำหนดราคาสำหรับการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซีย
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ซื้อขายในลอนดอนลดลง 0.3% เป็น 92.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ในสหรัฐฯ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.9% เป็น 86.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในเวลา 20:18 น. ET (00:18 GMT)สัญญาทั้งสองฉบับปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังจากมีความผันผวนสูงในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตรที่ปรับลดอุปทานการผลิตลงเล็กน้อยไม่ได้ช่วยชดเชยความกลัวด้านอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากจีน
ข้อมูลการซื้อขายแสดงให้เห็นว่า การนำเข้า สินค้าจากจีนชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนสิงหาคม เนื่องจากการหยุดชะงักของเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับมารตรการป้องกันโควิด
ในสัปดาห์นี้ ตลาดต่างรอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดราคาสูงสุดของวอชิงตันสำหรับการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะกำหนดในเดือนธันวาคม มอสโกได้ให้คำมั่นที่จะเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบไปยังเอเชียเพื่อตอบโต้กับการเคลื่อนไหวซึ่งเป็นแนวโน้มที่อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงในปีหน้า
ราคาน้ำมันดิ่งลงจากระดับสูงสุดในช่วงเริ่มต้นของความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครนในปีนี้ โดยสาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีมากกว่าความกังวลด้านความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ
แต่แนวโน้มราคาอ่อนตัวลงนี้อาจพลิกกลับได้ในฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหภาพยุโรปลดการนำเข้าน้ำมันของรัสเซีย เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนว่าชาวอเมริกันอาจเผชิญราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว และการกำหนดราคาสูงสุดที่เสนอสำหรับน้ำมันรัสเซียมีจุดมุ่งหมายเพื่อชดเชยสถานการณ์ดังกล่าว
สหรัฐฯ กำลังนำน้ำมันในคลังเชิงกลยุทธ์ (SPR) ออกมาใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศ ซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อต้นปีนี้ สิ่งนี้ทำให้ SPR ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี โดยเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหากมีการหยุดใช้น้ำมันจากคลัง SPR
ความต้องการน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ยังคงทรงตัว
โดยสัปดาห์นี้ตลาดเน้นไปที่ข้อมูล CPIของสหรัฐฯ ซึ่งจะครบกำหนดรายงานในวันอังคารนี้ ตัวเลขน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในแผนการของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะกำหนดราคาในตลาดน้ำมันดิบ
ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในปีนี้ เนื่องจากการนำเข้าน้ำมันมีราคาแพงกว่า ผู้นำเข้ารายใหญ่โดยเฉพาะในอินเดียและอินโดนีเซียต่างได้รับผลกระทบจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น