โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันร่วงลงในเช้าวันศุกร์ในเอเชีย ลดลงมากกว่า 1% เนื่องจากความกังวลว่าการปล่อยสำรองน้ำมันดิบที่นำโดยสหรัฐฯ ในกลุ่มผู้บริโภครายใหญ่อาจส่งผลให้อุปทานทั่วโลกเกินดุลในไตรมาสแรกของปี 2565
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ลดลง 2.02% สู่ 80.56 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 22:57 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (3:57 น. GMT) และ น้ำมันดิบ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.56% สู่ระดับ 76.35 ดอลลาร์ สำหรับราคาน้ำมันดิบ WTI นั้นไม่มีประกาศในวันนี้ เนื่องจากวันพฤหัสบดีเป็นวันหยุดในสหรัฐอเมริกา
การประกาศให้นำน้ำมันสำรองจาก SPR มาใช้โดยประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน เมื่อต้นสัปดาห์ ทำให้เห็นว่ามีการปล่อยน้ำมันหลายล้านบาร์เรลโดยประสานงานกับประเทศผู้บริโภครายอื่น ๆ รวมถึงจีน อินเดีย และญี่ปุ่น
การประกาศดังกล่าวน่าจะนำไปสู่อุปทานที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ตามผลการวิจัยของคณะกรรมการเศรษฐกิจ (ECB) ที่ให้คำแนะนำแก่องค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) แหล่งข่าวของ OPEC กล่าวกับรอยเตอร์ส
คณะกรรมการยังคาดว่าน้ำมันที่เกินดุล 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) ในเดือนธันวาคม 2564 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมกราคม 2565 และ 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์หากประเทศผู้บริโภคเดินหน้าด้วยการนำน้ำมันดังกล่าวมาใช้ แหล่งข่าวกล่าวเสริม
การคาดการณ์ของน้ำมันส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นทำให้แนวโน้มการประชุมกลุ่มโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ครั้งต่อไปในวันที่ 2 ธันวาคม กลุ่มพันธมิตรจะตัดสินใจว่าจะเพิ่มผลผลิตต่อไปอีก 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนมกราคมหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ทั้งน้ำมันเบรนท์ และน้ำมันดิบ WTI กำลังมุ่งหน้าสู่แดนบวกรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบเกือบหนึ่งเดือน ปริมาณสำรองน้ำมันดิบโดยรวมที่ปล่อยออกมานั้นมีประมาณ 70 ล้านถึง 80 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้
“เนื่องจากปริมาณมีน้อย ฉันคิดว่ามันมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความตึงตัวของอุปทาน แทนที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดน้ำมัน” ซึโตมุ สุกิโมริ ประธานสมาคมปิโตรเลียมแห่งประเทศญี่ปุ่นกล่าวกับสื่อเมื่อวันพฤหัสบดี