โดย David Ho
Investing.com – ราคาน้ำมันผันผวนในเช้าวันพฤหัสบดีในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนจับตาการปล่อยน้ำมันดิบฉุกเฉินโดยกลุ่มประเทศผู้บริโภครายใหญ่เพื่อทำให้ตลาดผ่อนคลาย
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.07% เป็น 82.31 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 23:31 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (4:31 น. GMT) ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTIลดลง 0.06% เป็น 78.34 ดอลลาร์
“การปล่อยน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ SPR (Strategic Petroleum Reserve) ที่เกิดจากการประสานงานกันของประเทศต่าง ๆ อาจจบลงด้วยชัยชนะทางการเมืองในระยะสั้นสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เราไม่คาดหวังว่ามันจะส่งผลกระทบยาวนานต่อปัจจัยพื้นฐาน” เจค ลีบี้ นักวิเคราะห์ของ Fitch กล่าวในหมายเหตุ
คีแรน ทอมป์กินส์ นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics (NYSE:TMP) ของ Capital Economics กล่าวว่า "ภาพรวมที่ใหญ่กว่าคือความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้เกิดแรงกดดันต่อตลาดตึงตัว
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ OPEC+ ซึ่งจะประชุมกันในสัปดาห์หน้าเพื่อหารือเกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานน้ำมัน
“การเคลื่อนไหวอย่างกล้าหาญจากผู้นำเข้าน้ำมันได้กดดันให้ OPEC+ ปรับนโยบายอุปทานในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 2 ธันวาคม 2564” หลุยส์ ดิกสัน นักวิเคราะห์ของ Rystad Energy กล่าวกับรอยเตอร์ส
กลุ่ม OPEC+ ได้เพิ่มอุปทาน 400,000 บาร์เรลต่อวันในแต่ละเดือน โดยยกเลิกการลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่จากปีที่แล้วเมื่อการระบาดของโควิด-19 ทำให้อุปสงค์ชะลอตัว
แหล่งข่าวสามแหล่งบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่ากลุ่มพันธมิตรไม่ได้พูดคุยกันเรื่องการหยุดเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน แม้ว่าจะมีการประสานงานร่วมกันแล้วก็ตาม
นักลงทุนยังจับตาดูว่าจีนจะปล่อยน้ำมันจากแหล่งสำรองตามแผนหรือไม่
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลการจัดหาน้ำมันดิบของสหรัฐในวันพุธจากสำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐ (EIA) แสดงให้เห็นว่ามีการสะสมน้ำมันดิบคงคลังเพิ่มขึ้น 1.017 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 พฤศจิกายน การคาดการณ์ที่จัดทำโดย investing.com คาดการณ์ว่าจะมีการดึงออกมา 481,000 บาร์เรล ขณะที่มีการดึงจริง 2.101 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน
ข้อมูลการจัดหาน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน(API) จากวันก่อนแสดงให้เห็นว่ามีการสร้าง 2.307 ล้านบาร์เรล