โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันร่วงลงในเช้าวันพุธที่เอเชีย อย่างไรก็ตาม สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 เนื่องจากวิกฤตพลังงานทั่วโลกยังคงทำให้น้ำมันดิบ, ก๊าซธรรมชาติ และตลาดถ่านหินตึงตัวขึ้น
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ไม่มากนัก เนื่องจากความกังวลยังคงอยู่ หลังการตัดสินใจเพิ่มเติมจากองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ให้ยึดแผนเพิ่มผลผลิตตามเดิม
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ลดลง 0.25% มาอยู่ที่ 82.50 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 12:03 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (4:03 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.13% เป็น 78.83 ดอลลาร์
การตัดสินใจของกลุ่มพันธมิตรที่ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า OPEC+ จะปฏิบัติตามข้อตกลงตามที่เคยตกลงกันไว้ในเดือนกรกฎาคม ที่จะเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) ในแต่ละเดือนจนถึงอย่างน้อยในเดือนเมษายน 2022 โดยไม่เพิ่มกำลังผลิตมากไปกว่านี้
ANZ ระบุในหมายเหตุว่า "น้ำมันดิบขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องความตึงตัวในตลาด เนื่องจากวิกฤตด้านพลังงานทำให้อุปสงค์เพิ่มขึ้น"
“กำลังผลิตจากกลุ่ม OPEC+ นั้นต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ เมื่อพิจารณาถึงวิกฤตด้านพลังงานทั่วโลก ไม่น่าแปลกใจที่มีการคาดเดาว่า OPEC อาจถูกบีบให้เปลี่ยนนโยบายก่อนการประชุมตามกำหนดการครั้งต่อไป หากความต้องการยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ANZ กล่าวเสริม
คณะกรรมการด้านเทคนิคร่วมของ OPEC กล่าวในเดือนกันยายนว่า คาดว่าอุปทานจะขาดดุล 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2564 ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เกินดุลในปี 2565
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก แสดงสัญญาณความต้องการเชื้อเพลิงที่ชะลอตัว
ข้อมูลจาก สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา (API) ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร แสดงให้เห็นการผลิต 951,000 บาร์เรลสำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ตุลาคม การคาดการณ์ที่จัดทำโดย Investing.com ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการดึงน้ำมันออกจากคลัง 300,000 บาร์เรล ขณะที่มีการผลิตจริง 4.127 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ก่อน
ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอ ข้อมูลน้ำมันในคลังจาก สำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา ที่จะรายงานในวันนี้