โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com - บรรยากาศการค้าทองคำในตลาดโลก (Goldspot) วันนี้ (7 กันยายน 2564) ทรงตัว โดยซื้อขายกันที่ 1,827.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.2% ทั้งนี้ ไดอานิสงส์จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและมีการคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจชะลอการลดวงเงินเพื่ออัดฉีดสภาพคล่อง โดยเฉพาะในการซื้อพันธบัตรในช่วงโควิดระบาด ซึ่งวานนี้ ราคาทองคำโลกปรับตัวลดลง 3.06 ดอลลาร์ต่ออนซ์ โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบางและไม่คึกคัก เนื่องจากตลาดทุนและตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการในวันแรงงาน (Labor Day)
ส่วนราคาทองคำในประเทศวันนี้ ขยับขึ้นอีก เมื่อเทียบกับราคาปิดวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา โดยปรับขึ้น 50 บาท ซึ่งทองรูปประพรรณขายออกที่บาทละ 28,600 บาท ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสมาคมค้าทองคำ เมื่อเวลา 9.20 น. สำหรับทองคำแท่ง มีราคารับซื้อในประเทศอยู่ที่บาทละ 28,000 บาท ขายออกที่ 28,100 บาท สำหรับทองคำรูปพรรณ 96.5 เปอร์เซนต์รับซื้ออยู่ที่บาทละ 27,500.24 บาท
นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการ นักวิเคราะห์บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด บอกกับ Investing.com ว่า ปัจจัยภายในประเทศที่มีผลต่อราคาทองคำน่าจะมาจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง ศบค. ประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อวันนี้ที่ 13,821 คน เสียชีวิต 241 คน จากที่เคยสูงถึงสองหมื่นกว่าคนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์โควิดไทยเริ่มทรงตัว ทั้งนี้ มองว่า หากรัฐบาลผ่อนคลายมาตราการล็อกดาวน์มากขึ้น ก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นไปด้วย ค่าเงินบาทก็มีโอกาศแข็งค่าขึ้นได้อีก
USD/THBไทยวันนี้ เปิดตลาดแข็งค่าที่ 32.47 บาทต่อดอลลาร์ โบรกเกอร์ชี้ กรอบการเคลื่อนไหวที่แนวรับอยู่ที่ 32.35 และแนวต้านอยู่ที่ 32.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงขึ้น หลังตัวเลขรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non-farms Payrolls) ไม่เป็นที่น่าพอใจซึ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำเพราะทำให้นักลงเชื่อว่า Fed จะเลื่อนการปรับลดวงเงิน QE และสภาพการจ้างงานที่ดีขึ้นเป็นส่วนสำคัญให้ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มงดมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจลง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนหนึ่งยังคงมองว่า การลงทุนในทองคำเป็นวิธีเลี่ยงความเสี่ยงของการเกิดเงินเฟ้อที่จะมาจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะไปลดค่าเสียโอกาสของการถือครองทองคำแท่งที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีได้
สำหรับ Gold Futures ในสหรัฐอเมริกาลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 1,828.00 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ลดลง 0.1% ซึ่งเป็นผลดีต่อนักลงทุนที่กำลังถือสกุลเงินอื่นด้วย
สำหรับฟากฝั่งเศรษฐกิจยุโรปแล้ว ธนาคาการกลางยุโรปมีการหารือและพิจารณาเรื่องการลดมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในวันพฤหัสบดีนี้ โดยจะมีการพูดถึงแนวทางในการต่อสู้กับวิกฤตต่าง ๆ เพื่อให้สมหภาพยุโปรยังสามารถอยู่ด้วยกันได้
หันมาทางฟากฝั่งเอเชีย ญี่ปุ่นเองก็ได้ประกาศตัวเลขการใช้จ่ายต่อครัวเรือน ซึ่งพบว่า และครัวเรือนในญี่ปุ่นมีการใช้จ่ายลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนกรกฎาคม โดยมีปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ผู้บริโภคลดกิจกรรมการใช้จ่ายลง จนทำให้การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังเป็นเรื่องประเด็นที่ต้องจับตา
นอกจากนี้ ทางการอินเดียเปิดเผยว่า การนำเข้าทองคำในอินเดียในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สูงขึ้นเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา จากความต้องการทองคำที่สูงขึ้น และราคาทองคำที่อ่อนตัวลง ทำให้นักค้าทองคำสั่งหรือนำเข้าทองคำเข้ามากขึ้นในช่วงเทศกาลสำคัญ
สำหรับเงินในวันนี้ ราคาเงินยังคงตัวอยู่ที่ 0.4% หรือ 24.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาแพลททินั่มสูงขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ 1,020.26 ดอลลาร์ และพราราเดียมราคาคงตัวอยู่ที่ 2,410.52 ดอลลาร์