โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันร่วงลงในเช้าวันพฤหัสบดีในเอเชีย โดยนักลงทุนได้ข้อมูลการตัดสินใจเพิ่มเติมจาก OPEC+ เพื่อเป็นปัจจัยบวกต่ออุปทานต่อไป
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ลดลง 0.39% สู่ระดับ 71.31 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 23:50 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (3:50 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.50% สู่ระดับ 68.25 ดอลลาร์
OPEC+ ตกลงที่จะดำเนินการผลิตเพิ่ม 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) หลังการประชุมในวันพุธ กลุ่มพันธมิตรยังเพิ่มการคาดการณ์ความต้องการในปี 2565 และยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เร่งการผลิตเพิ่มขึ้น
ข้อสรุปนี้เกิดขึ้นจากจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยนักลงทุนบางคนระแวงการคาดการณ์ความต้องการเชื้อเพลิงในครั้งนี้
“สิ่งที่ไม่แน่นอน… คือความต้องการเชื้อเพลิงจะสามารถเติบโตได้เร็วเท่าที่กลุ่ม OPEC+ และตลาดคาดการณ์หรือไม่ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะล็อกดาวน์อีกครั้ง เพื่อระงับการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข” Rystad Energy หัวหน้าฝ่ายตลาดน้ำมัน Bjornar Tonhaugen กล่าวในบันทึก
ด้านสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตน้ำมันจำนวนมากยังคงปิดทำการ หลังจากพายุเฮอริเคนไอดาพัดถล่มบริเวณคาบสมุทรกัลฟ์เมื่อต้นสัปดาห์ ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานและน้ำ ก่อให้เกิดแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อความต้องการเชื้อเพลิง หน่วยงานกำกับดูแลนอกชายฝั่งของสหรัฐอเมริการะบุว่าการผลิตน้ำมันในภูมิภาคประมาณ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันยังคงอยู่ในสถานะออฟไลน์
นอกจากนี้ ข้อมูลการจัดหาน้ำมันดิบจากสำนักงานข้อมูลพลังงาน ของสหรัฐอเมริกา ยังเผยในวันพุธว่า มีการดึงน้ำมันออกจากคลัง 7.169 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 27 ส.ค. การคาดการณ์ที่จัดทำโดย Investing.com ได้คาดการณ์ไว้ที่ 3.088 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ตัวเลขจริงคือ 2.979 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้า
ข้อมูลการจัดหาน้ำมันดิบจากสถาบัน API แสดงตัวเลขการดึงน้ำมันจากคลังที่ 4.045 ล้านบาร์เรล