โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดข้อขัดแย้งภายในกลุ่ม OPEC+ เกี่ยวกับการลดปริมาณการผลิต ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นหากไม่ได้รับการแก้ไข
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.30% สู่ 76.07 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 22:48 น. ET (2:48 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI เพิ่ม 0.36% เป็น 75.50 ดอลลาร์
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ปิดกั้นข้อตกลงในนาทีสุดท้าย ทำให้กลุ่มพันธมิตรต้องเลื่อนการตัดสินใจในการผลิตรายเดือน ซึ่งอาจจบลงด้วยการที่ OPEC+ ไม่เพิ่มปริมาณการผลิต อันจักทำให้ทางกลุ่มฯถอยกลับไปตามเงื่อนไขก่อนหน้า ที่ขอให้การผลิตยังคงเดิมไว้จนถึงเดือนเมษายน 2022
ก่อนที่จะเกิดความขัดแย้ง กลุ่ม OPEC+ ดูเหมือนจะตกลงในหลักการที่จะเพิ่มปริมาณการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคม บรรดารัฐมนตรีของ OPEC+ จะจัดหารือกันใหม่ในวันนี้ เนื่องจากผลลัพธ์ในปัจจุบันทำให้ตลาดต้องหยุดชะงักและทำให้ชื่อเสียงของทางกลุ่มฯเสื่อมเสีย หลังเกิดสงครามด้านราคาระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว
หากกลุ่ม OPEC+ ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้ ความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งสูงขึ้นจะเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในเศรษฐกิจโลก โดยน้ำมันเพิ่งทำสถิติครึ่งปีแรกที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เนื่องจากความต้องการพลังงานในประเทศเศรษฐกิจหลักฟื้นตัวแซงหน้าอุปทาน ขณะที่รายงานของ Citigroup (NYSE:C) ระบุว่า ตลาดจะยังคงอยู่ในภาวะขาดดุลอย่างมากในไตรมาสนี้ แม้ว่าจะพิจารณาถึงผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม OPEC+ แล้วก็ตาม
แวนดานา ฮารี ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านน้ำมัน Vanda (NASDAQ:VNDA) กล่าวกับ Bloomberg ว่า "ความขัดแยงภายในกลุ่ม OPEC+ เหมือนเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้" “พวกเขาทำงานอย่างหนักในปีที่ผ่านมา เกินกว่าที่จะยกเลิกข้อตกลงในขั้นนี้ ฉันคาดว่าข้อตกลงเบื้องต้นระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่อาจมีการทำสัมปทานบางอย่างกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์”
ตามเส้นกราฟของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมัน โครงสร้างตลาดเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและราคาส่งมอบก็กระชับขึ้นเรื่อย ๆ โดยเมื่อวานนี้ ราคาส่งมอบในสามช่วงเวลาของ WTI เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหมายความว่าตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับความตึงตัวของอุปทานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ศูนย์กลางการจัดเก็บหลักในเมืองคุชชิง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งมีการกำหนดราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ที่ส่งมอบเดือนกันยายนอยู่ที่ 90 เซนต์ต่อบาร์เรล ซึ่งแพงกว่าสัญญาเดือนตุลาคม เทียบกับ 80 เซนต์ต่อบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระบุว่าจะให้การสนับสนุนข้อตกลงหากปริมาณการผลิตที่จะตัดออกเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ การลดปริมาณการผลิตของประเทศวัดจากจุดเริ่มต้นในปี 2018 ซึ่งกำหนดกำลังการผลิตสูงสุดที่ 3.168 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ได้มีโครงการขยายเพิ่มจำนวนดังกล่าวเป็นประมาณ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกำลังการผลิตใหม่ในระดับพื้นฐาน ที่สามารถเพิ่มผลผลิตน้ำมันดิบสูงสุดได้หลายแสนบาร์เรลต่อวัน
ผู้สังเกตการณ์เชื่อว่ากลุ่ม OPEC+ มีแนวโน้มที่จะตกลงกันในวันนี้ เพื่อฟื้นฟูการผลิตเพิ่มเติม โดยนีล เบเวอริดจ์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ Sanford C Bernstein ในฮ่องกงกล่าวว่า “เราคาดว่าน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรลต่อวันตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อรักษาสมดุลของตลาด” และราคาน้ำมันเบรนท์มีแนวโน้มที่จะเกิน 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไม่ช้านี้