โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ โดยมีสัญญาณการเกิดขึ้นของภาวะตลาดตึงตัว
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.32% เป็น 75.14 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 16:41 น. ET (4:41 น. GMT) แตะระดับ 75 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองปี ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.10% เป็น 73.19 ดอลลาร์
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์พุ่งขึ้นมากกว่า 40% ในปีนี้ เนื่องจากประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป กำลังฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด ส่งผลให้แนวโน้มอุปสงค์น้ำมันปรับตัวดีขึ้น
Bank of America (NYSE:BAC) คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบโลกจะแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2022 เนื่องจากการฟื้นตัวของกิจกรรมการเดินทาง
แวนดานา ฮารี ผู้ก่อตั้ง Vanda Insights ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า “การมองอุปสงค์ในเชิงบวกได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว และภาวะตึงตัวของตลาดก็อยู่ในความสนใจเป็นอย่างมาก ... หากราคาหยุดชะงักในระหว่างนี้ ก็น่าจะเกิดจากปัจจัยด้านอุปทาน”
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศเป็นเครื่องเตือนใจว่า การฟื้นตัวของอุปสงค์เชื้อเพลิงยังคงไม่มีความสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดน้อยลงยังเกิดจากการปราบปรามโรงกลั่นเอกชนในประเทศจีน โควต้าการนำเข้าน้ำมันดิบชุดที่สองของปี 2021 ที่จัดสรรให้กับพวกเขานั้นน้อยกว่าปี 2020 ประมาณ 35% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคส่วนนี้ โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณหนึ่งในสี่ของกำลังการผลิตในประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มขาขึ้นโดยรวมของน้ำมัน กำลังเพิ่มแรงกดดันต่อองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ให้พิจารณาฟื้นฟูการผลิตมากขึ้นกว่าในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด ในการประชุมสัปดาห์หน้า
ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอ ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา ที่จะประกาศภายในวันนี้ หากข้อมูลดังกล่าวและ ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่ามีปริมาณน้ำมันลดลง จะนับว่าเป็นการลดลงสัปดาห์ที่ห้าติดต่อกัน