ทองฟิวเจอร์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะลุ $2,640 นลท.แห่ตุนทอง ผวา "ปูติน" ใช้นิวเคลียร์

เผยแพร่ 20/11/2567 03:23
ทองฟิวเจอร์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะลุ $2,640 นลท.แห่ตุนทอง ผวา "ปูติน" ใช้นิวเคลียร์
GC
-

InfoQuest - ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นเกือบ 30 ดอลลาร์ ทะลุระดับ 2,640 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนพากันซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ต่อชาติตะวันตก

ณ เวลา 20.15 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 28.10 ดอลลาร์ หรือ 1.07% สู่ระดับ 2,642.70 ดอลลาร์/ออนซ์

ทำเนียบเครมลินเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุมัติหลักการใหม่สำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์แล้ว

ทั้งนี้ กฤษฎีการะบุว่า การรุกรานต่อรัสเซียและพันธมิตรของรัสเซียจากชาติศัตรูใด ๆ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการทหารกับชาติอื่น จะถือเสมือนการรุกรานจากทั้งกลุ่มพันธมิตรของชาติศัตรู

นอกจากนี้ การรุกรานจากชาติซึ่งไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ได้รับการสนับสนุนจากชาติซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ จะถือเสมือนการรุกรานร่วมกันต่อรัสเซีย

กฤษฎีกายังระบุว่า รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องปราม โดยจะเป็นอาวุธขั้นสุดท้าย และใช้เมื่อถูกสถานการณ์บังคับเท่านั้น ขณะที่รัสเซียจะใช้ความพยายามทั้งหมดเท่าที่จำเป็นในการลดภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ และป้องกันมิให้ความตึงเครียดระหว่างรัฐนำไปสู่ความขัดแย้งทางการทหาร ซึ่งรวมถึงการทำสงครามนิวเคลียร์

นอกจากนี้ กฤษฎีการะบุว่า รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องปรามต่อชาติศัตรูที่มีศักยภาพสูง ซึ่งเป็นประเทศหรือกลุ่มพันธมิตรทางการทหารที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ หรือมีความสามารถสูงทางการทหาร

ขณะเดียวกัน รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องปรามต่อชาติศัตรูที่อนุญาตให้มีการใช้ดินแดนหรือทรัพยากรเพื่อการรุกรานต่อรัสเซีย

ท่าทีของรัสเซียดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้อนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ระบบขีปนาวุธ Army Tactical Missile Systems หรือ ATACMS ของสหรัฐโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ขณะที่รัสเซียเตือนว่า การกระทำดังกล่าวจะเป็นการบ่งชี้ว่าสหรัฐได้เข้าเกี่ยวข้องโดยตรงในการทำสงครามกับรัสเซีย ซึ่งอาจลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 61.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. และให้น้ำหนัก 55.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2568

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย