InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันจันทร์ (18 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันดิบที่บ่อน้ำมันโยฮัน สเวอร์ดรุป (Johan Sverdrup) ในนอร์เวย์ถูกระงับ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.14 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 69.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.26 ดอลลาร์ หรือ 3.18% ปิดที่ 73.3 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่า บริษัทเอควินอร์ (Equinor) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของนอร์เวย์ ประกาศระงับการผลิตที่บ่อน้ำมันโยฮัน สเวอร์ดรุป ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก เนื่องจากปัญหาไฟฟ้าดับ โดยขณะนี้บริษัทนี้กำลังดำเนินการเพื่อเริ่มการผลิตใหม่ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถกลับมาผลิตได้เมื่อใด
ทางด้านกระทรวงพลังงานของคาซัคสถานเปิดเผยว่า บ่อน้ำมันเทนกิซ (Tengiz) ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในคาซัคสถาน และดำเนินงานโดยบริษัทเชฟรอน ได้ปรับลดการผลิตน้ำมันลง 28%-30% เนื่องจากบ่อน้ำมันแห่งนี้อยู่ในระหว่างการซ่อมบำรุง และคาดว่าการซ่อมบำรุงจะเสร็จสิ้นภายในวันเสาร์นี้ (23 พ.ย.) โดยสถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นเนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ และล่าสุดมีรายงานว่า
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโจ ไบเดน ได้อนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งรัสเซียเตือนว่า การกระทำดังกล่าวจะเป็นการบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ ได้เข้าเกี่ยวข้องโดยตรงในการทำสงครามกับรัสเซีย ซึ่งอาจลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3