InfoQuest - ราคาทองฟิวเจอร์พลิกร่วงแดนลบ หลุดระดับ 2,750 ดอลลาร์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ก่อนรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 23.24 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลบ 4.30 ดอลลาร์ หรือ 0.16% สู่ระดับ 2,744.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในช่วงแรก โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง ทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (5 พ.ย.) ขณะที่ผลการสำรวจจากหลายสำนักต่างบ่งชี้คะแนนนิยมที่สูสึกันอย่างมากระหว่างนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน
เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศขนาดใหญ่ และใช้โซนเวลาแตกต่างกัน จึงทำให้แต่ละรัฐมีเวลาเปิดปิดหีบเลือกตั้งไม่เหมือนกัน โดยจอร์เจีย อินเดียนา และเคนตักกี อยู่ในกลุ่มรัฐแรก ๆ ที่ปิดหีบเลือกตั้ง ณ เวลา 19.00 น.ของวันที่ 5 พ.ย.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 07.00 น.ของวันที่ 6 พ.ย.ตามเวลาไทย และการประกาศคะแนนเลือกตั้งของแต่ละรัฐจะทยอยออกมาจนถึงรัฐอะแลสกาเป็นรัฐสุดท้าย โดยผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
อย่างไรก็ดี คาดว่าการนับคะแนนเลือกตั้งอาจใช้เวลาหลายวันก่อนที่จะมีการประกาศชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งเช่นเดียวกับการเลือกตั้งในปี 2563 ซึ่งนายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน
นักลงทุนเทน้ำหนัก 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้ แม้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่อ่อนแอในวันศุกร์
นอกจากนี้ นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในเดือนธ.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย. รวมทั้งให้น้ำหนัก 81.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.
หากเฟดลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.ตามคาด ก็จะสอดคล้องกับคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในปี 2569
โดยรวมแล้ว Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2.00% หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 100,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักวิเคราะห์ระบุว่า เฟดจะมองว่าการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนต.ค.เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว โดยได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีนและมิลตันที่พัดถล่มสหรัฐ รวมทั้งการผละงานประท้วงของพนักงานบริษัทโบอิ้ง
โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า พายุเฮลีนทำให้ตัวเลขการจ้างงานลดลงราว 50,000 ตำแหน่ง ขณะที่การผละงานประท้วงของพนักงานบริษัทโบอิ้งทำให้การจ้างงานลดลง 41,000 ตำแหน่ง