โดย Detchana.K
Investing.com - บมจ.ไทยออยล์เผยถึงสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลง หลังสถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 19 มิ.ย. 63 ปรับตัวสูงขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล ไปแตะที่ระดับ 545 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 299,000 บาร์เรล
ด้านไอเอชเอส มาร์กิต รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย. 63 ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 46.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 37.0 ในเดือน พ.ค.63 อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะหดตัว อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ส่วนที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาวได้ออกมาแก้ข่าวว่าสหรัฐฯ ยังไม่ยุติข้อตกลงการค้ากับจีน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระบุข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าข้อตกลงการค้ากับจีนยังคงดำเนินไปอย่างเต็มรูปแบบ และหวังว่าจีนจะยังคงเดินหน้าทำตามเงื่อนไขต่างๆ ในข้อตกลง
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินจากอินโดนีเซียปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่วนราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันดีเซลในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงหลังจากสต๊อกน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ ทำให้กังวลกันถึงเรื่องอุปทานล้นตลาด แม้ว่าสต๊อกน้ำมันเบนซินจะลดลงก็ตาม โดยราคาน้ำมันดิบ Brent สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ลดลง 2 เซนต์ อยู่ที่ 42.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 4 เซนต์ อยู่ที่ 40.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 0045GMT
ห้ามพลาดครับ
ราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นมี.ค. หลัง OPEC+ ให้ความร่วมมือมากขึ้น
วิเคราะห์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ จากติดลบกลับมาเป็นตลาดขาขึ้น?!?