InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (6 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว นอกจากนี้ การฟื้นตัวของตลาดการเงินทั่วโลกยังเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่ 73.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 76.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
อิหร่านประกาศว่าจะล้างแค้นอิสราเอลและสหรัฐ หลังจากผู้นำกลุ่มฮามาสและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ถูกลอบสังหาร ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าสงครามในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง และอาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางซึ่งเป็นภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันดิบมากถึง 1 ใน 3 ของโลก
นอกจากนี้ รายงานที่ว่าการผลิตน้ำมันในแหล่งน้ำมันชารารา (Sharara) ของลิเบียปรับตัวลง 300,000 บาร์เรล/วัน ยังเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานตึงตัว โดยบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ (National Oil Corp) ของลิเบียประกาศว่าจะเริ่มปรับลดการผลิตจากแหล่งน้ำมันดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์ประท้วง
ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ออกรายงานเมื่อวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกปรับตัวลดลงราว 400,000 บาร์เรล/วันในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 และคาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวลง 800,000 บาร์เรล/วันในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบรนท์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค. และราคาน้ำมัน WTI ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์มองว่า ความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นมีไม่มากนัก และเชื่อว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ราคาน้ำมันจะได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในอินเดียและประเทศฝั่งตะวันตก