Investing.com - ราคาทองคำขยับลงเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ แต่ยังคงทำกำไรอย่างมากจากเซสชั่นก่อนหน้า เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าที่คาดทำให้เกิดความหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
ราคาทองคำทะลุระดับ 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาและอยู่ห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่ถึง 50 ดอลลาร์ เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วของเงินดอลลาร์
ทองคำสปอต ลดลง 0.3% มาเป็น 2,408.52 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ทองคำฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนสิงหาคมลดลง 0.3% มาเป็น 2,413.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 00:06 ET (04:06 GMT)
ทองคำอยู่ในระดับที่ทำกำไรในสัปดาห์นี้จากความหวังการลดอัตราดอกเบี้ย
ราคาสปอตอยู่ในระดับที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.7% ในสัปดาห์นี้ โดยกำไรส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดี
ข้อมูลเงินเฟ้อ CPI เมื่อวันพฤหัสบดีที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ได้ทำให้เกิดความหวังว่าเงินเฟ้อที่เย็นลงจะทำให้เฟดมีความมั่นใจมากขึ้นในการเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย
เงิน ดอลลาร์ และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ของสหรัฐฯ ปรับลดลงจากแนวคิดดังกล่าว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตลาดโลหะ อีกทั้งเทรดเดอร์ยังมองเห็นว่ามีโอกาสมากกว่า 82% ที่จะมีการการลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากประมาณ 64% ของเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงได้ลดต้นทุนโอกาสของการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนเช่นทองคำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงนั้นทำให้ผลตอบแทนจากเงินสดหรือหนี้สินนั้นน่าสนใจมากขึ้น
โลหะมีค่าชนิดอื่น ๆ ปรับลดลงในวันนี้ แต่ยังคงได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
แพลตตินัมฟิวเจอร์ส ลดลง 0.4% มาเป็น 1,015.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ แร่เงินฟิวเจอร์ส ลดลง 0.7% มาเป็น 31.457 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองแดงปรับลดลงหลังการนำเข้าของจีนหดตัว
ในบรรดาโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงมีการปรับลดลงในวันนี้ เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการนำเข้าของจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อทองแดงรายใหญ่ที่สุดของโลกหดตัวในเดือนมิถุนายน
ทองแดงฟิวเจอร์ส ของ London Metal Exchange ลดลง 0.3% มาเป็น 9,761.50 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ ทองแดงฟิวเจอร์สอายุหนึ่งเดือน ลดลง 0.7% มาเป็น 4.4977 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ข้อมูลของรัฐบาลในวันนี้ได้แสดงให้เห็นว่า การนำเข้าทองแดงและผลิตภัณฑ์ทองแดงที่ยังไม่ได้ขึ้นรูปของจีนลดลง 3% เมื่อเทียบแบบเป็นรายปีมาอยู่ที่ 436,000 เมตริกตันในเดือนมิถุนายน
ข้อมูลดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อภาค การนำเข้า ของจีนโดยรวมลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนมิถุนายน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความต้องการในประเทศที่อ่อนแอและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซา
ดุลการค้า ของจีนเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบสองปี ขณะที่ภาค การส่งออก ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่การเพิ่มขึ้นของภาษีการค้านำเข้าสินค้าสำคัญจากจีน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าอาจจะถ่วงดุลแนวโน้มนี้ได้
ขณะนี้ความสนใจของตลาดจึงอยู่ที่การประชุม Plenum ครั้งที่สามของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อดูแนวโน้มทางเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป โดยการประชุมนี้มีกำหนดการณ์จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า