Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในตลาดเอเชียวันนี้และขยายการฟื้นตัวจากเมื่อกลางสัปดาห์ หลังจากสมาชิก OPEC+ พยายามสร้างความมั่นใจให้กับตลาดเกี่ยวกับการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่นักลงทุนต่างยินดีกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในแคนาดาและยุโรป
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงขาดทุนในสัปดาห์นี้ หลังจากองค์กรกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ได้ส่งสัญญาณในการประชุมล่าสุดว่าพวกเขาอาจเริ่มชะลอการลดกำลังการผลิตในช่วงปลายปีนี้
เมื่อเวลา 21:00 ET (01:00 GMT) น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 80.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.4% เป็น 75.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดัชนีทั้งสองมีแนวโน้มที่จะขาดทุนเกิน 1% ในสัปดาห์นี้ หลังจากดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสี่เดือน
สมาชิก OPEC+ ชี้แจงว่าปัญหาอุปทานนั้นยังไม่แน่นอน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานโดยอ้างอิงความคิดเห็นในการประชุมที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กว่า รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรัสเซีย กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ความอ่อนแอในตลาดอาจทำให้กลุ่มยังคงลดปริมาณการผลิต
ความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ OPEC+ กล่าวว่าจะรักษาการลดปริมาณการผลิตที่ 3.6 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงสิ้นปี 2024 แต่ก็ได้กำหนดแผนการอย่างละเอียดในการชะลอการตลดการผลิตลงเหลือ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 ถึงกันยายน 2025
ข่าวดังกล่าวได้กดดันราคาน้ำมัน ทำให้ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสี่เดือน เนื่องจากนักลงทุนกลัวว่าจะมีอุปาทล้นตลาดจากการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากความต้องการที่อาจลดลงในอีกหลายเดือนข้างหน้า
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยหนุนราคาน้ำมันและลดการขาดทุนรายสัปดาห์
แต่ราคาน้ำมันดิบก็ยังคงอยู่ใกล้กับระดับต่ำสุดในรอบสี่เดือน แม้ว่าการขาดทุนส่วนใหญ่จะถูกลบไปด้วยความคาดหวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม
ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจำนวนมากของสหรัฐฯ ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของอุปสงค์ แต่ก็เพิ่มความคาดหวังว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายน
เฟดมีกำหนดการณ์จัด การประชุมในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในขณะนี้
การลดอัตราดอกเบี้ยโดย ธนาคารกลางยุโรป และ ธนาคารกลางแคนาดา ยังเพิ่มความหวังเกี่ยวกับเงื่อนไขการเงินที่ผ่อนคลายในปีนี้
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงนั้นคาดว่าจะกระตุ้นการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะสนับสนุนราคาน้ำมันในที่สุด
ความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงของสหรัฐฯ ยังคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า พร้อมกับการเริ่มต้นของฤดูแห่งการท่องเที่ยวอย่างช่วงฤดูร้อน