InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนในวันพฤหัสบดี (14 มี.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะตึงตัวมากขึ้นในปีนี้ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปีนี้ด้วย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.54 ดอลลาร์ หรือ 1.93% ปิดที่ 81.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 2 พ.ย. 2566
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ 85.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2566
ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 81 ดอลลาร์ หลังจาก IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปี 2567 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มคาดการณ์ครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 อันเนื่องมาจากการที่กลุ่มกบฏฮูตีทำการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงได้ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในภูมิภาคดังกล่าว
ทั้งนี้ IEA คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้น 110,000 บาร์เรล/วันจากการคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าปี 2566 ซึ่งอุปสงค์น้ำมันขยายตัวแข็งแกร่งถึง 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ IEA ยังได้ปรับลดคาดการณ์อุปทานน้ำมันในปี 2567 โดยคาดว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นเพียง 800,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 102.9 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 103.8 ล้านบาร์เรล/วัน
การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันพุธ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 5.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล