Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากตลาดยังคงระมัดระวังก่อนข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มจะเป็นปัจจัยหนึ่งในอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันความสนใจก็ยังมุ่งเน้นไปที่รายงานประจำเดือนจาก OPEC ที่กำลังจะเผยแพร่เร็ว ๆ นี้
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม ปรับขึ้น 0.3% เป็น 82.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ปรับขึ้น 0.3% เป็น 77.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อ 22:01 ET (02:01 GMT)
ตลาดน้ำมันดิบเผชิญกับสัญญาณอุปสงค์และอุปทานที่หลากหลาย
ราคาน้ำมันดิบยังคงซื้อขายแบบกรอบแคบในเซสชั่นล่าสุด ท่ามกลางสัญญาณที่ขัดแย้งกันทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน น้ำมันดิบเบรนท์ และน้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์สมีการซื้อขายในช่วง 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลถึง 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
จีนก็เป็นประเด็นสำคัญของความขัดแย้งสำหรับตลาดน้ำมัน เนื่องจากอุปสงค์ของผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกดูเหมือนจะถดถอยลงและแทบไม่มีความหวังที่จะปรับปรุงได้ในระยะสั้น ปักกิ่งตั้งเป้าหมายการเติบโตได้ไม่น่าพอใจนักในปี 2024 และยังเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้ได้ไม่เพียงพอ
ขณะนี้ตลาดกำลังรอ รายงานประจำเดือน จากองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมในด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรกล่าวว่าจะยังคงอัตราการลดการผลิตในปัจจุบันไว้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน
ในด้านอุปทาน สัญญาณของความรุนแรงที่ลดลงเพียงเล็กน้อยในสงครามอิสราเอล-ฮามาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเจรจาหยุดยิงล้มเหลว ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านอุปทานที่ยังคงมีอยู่ในตะวันออกกลาง
การปะทะกับกลุ่มฮูตีเยเมนในทะเลแดง ยังส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักอย่างต่อเนื่องในกิจกรรมการขนส่งในภูมิภาค
รายงานประจำเดือนจาก สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ก็มีกำหนดสการณ์เผยแพร่ในสัปดาห์นี้เช่นกัน
จับตาข้อมูล CPI สหรัฐหาสัญญาณอัตราดอกเบี้ย
ตลาดน้ำมันก็ระมัดระวังการตัดสินใจอย่างมากก่อนรายงาน CPI สำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะเปิดเผยในวันนี้
รายงานดังกล่าวคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเหนียวแน่นและสูงกว่าเป้าหมายประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐที่ 2% ในเดือนกุมภาพันธ์
สัญญาณที่บ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดท่าทีเชิง hawkish จากเฟด ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ สูงขึ้นไปอีกนาน เจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดกล่าวเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นในปี 2024 นั้นจะขึ้นอยู่กับทิศทางของอัตราเงินเฟ้อเป็นส่วนใหญ่